วานนี้ (17 พฤศจิกายน) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานงานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากประเทศจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยชั่วคราว
โดยชูศักดิ์นำคณะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยมี วัฒนา เตียงกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ชัยยง จันทวีภากร คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเดินทางด้วย
ในการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งครั้งนี้สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ชูศักดิ์เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางร่วมประชุมกับหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายจีน เพื่อร่วมเตรียมการและสำรวจสถานที่ประกอบพิธีที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว
พร้อมทั้งขอทราบผลสรุปและความคืบหน้าการจัดทำร่างความตกลงและติดตามข้อมูลจากการประชุมร่วมกันของคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 11-12 ตุลาคม 2567 เพื่อที่ฝ่ายไทยจะได้ประสานงานและเตรียมการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับวาระโอกาสสำคัญที่ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
ชูศักดิ์นำคณะเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ วัดหลิงกวง และนมัสการพระอาจารย์ฉางจ้าง รองประธานพุทธสมาคมจีน เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง และหารือเกี่ยวกับแนวทางการประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว โดยเจ้าอาวาสวัดหลิงกวงนำสาธิตพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว เพื่อให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยบันทึกวิธีการและขั้นตอนปฏิบัติอย่างละเอียด เนื่องจากเมื่ออัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาถึงประเทศไทยแล้ว คณะทำงานฝ่ายไทยต้องมีหน้าที่อัญเชิญไปประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งก่อสร้างมณฑปรองรับไว้แล้ว โดยจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนที่ทางวัดหลิงกวงกำหนดไว้
หลังจากนั้นเจ้าอาวาสวัดหลิงกวงนำคณะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ขึ้นเครื่องบินมายังประเทศไทย ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อซักซ้อมและแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนฝ่ายไทยและคณะผู้แทนฝ่ายจีนประชุมหารือในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันอันจะนำไปสู่การทำความตกลงร่วมในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ชูศักดิ์นำคณะเดินทางไปยังสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน (NRAA) เพื่อหารือข้อราชการกับ เฉินรุ่ยเฟิง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน เกี่ยวกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว หลังจากนั้นคณะทำงานฝ่ายจีนจึงจัดเลี้ยงอาหารรับรองให้กับคณะทำงานฝ่ายไทย และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ชูศักดิ์นำคณะเดินทางกลับประเทศไทย
ในการเยือนกรุงปักกิ่งครั้งนี้ ชูศักดิ์กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและประทับใจในการต้อนรับของฝ่ายจีนมาก ที่ให้เกียรติและอำนวยความสะดวกทุกอย่างตั้งแต่เดินทางถึงกรุงปักกิ่งจนกระทั่งเดินทางกลับประเทศไทย โดยทางการจีนมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับกิจการศาสนามาต้อนรับ และอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศจีนตลอดการเยือน 3 วัน
“ผมในนามของผู้แทนรัฐบาลไทย จึงขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีนและคณะทำงานฝ่ายจีนทุกคน และหวังว่าการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ และในฐานะที่พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสูงสุดอย่างหนึ่งของประเทศจีนและของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก” ชูศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ชูศักดิ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมสักการะพระเขี้ยวแก้วในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน