การได้เป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์สักแบรนด์หนึ่งอาจเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายคน เช่นเดียวกับ นิค-จักรพงศ์ ทองสกุล Founder of Brisuthi อดีตติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษที่คลั่งไคล้ในเสน่ห์ของสกินแคร์จนหันมาสร้างแบรนด์สกินแคร์ออร์แกนิกภายใต้ชื่อ บริสุทธิ์ ผ่านสารสกัดจากวัตถุดิบออร์แกนิกที่คัดมาจากแหล่งที่ดีที่สุดของโลก ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์เรียบเท่บวกกับคุณสมบัติเด่นๆ ของผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้บริสุทธิ์เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่กำลังมาแรงและเริ่มเป็นที่พูดถึงในกลุ่มคนรักออร์แกนิก

 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์บริสุทธิ์
แบรนด์บริสุทธิ์ หมายถึง ความบริสุทธิ์ที่ไร้การเจือปน เราอยากสื่อให้คนเข้าใจผ่านสีของแบรนด์ จึงเน้นที่สีขาวกับดำ สีขาวสื่อถึงความบริสุทธิ์ สีดำสื่อถือพลัง มันคือความสะอาดบริสุทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง แม้แต่วัตถุดิบต่างๆ เราก็เลือกวัตถุดิบที่บริสุทธิ์ ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ เพื่อความงามที่บริสุทธิ์สำหรับลูกค้าของเรา ความงามที่บริสุทธิ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องขาว แต่มันคือความงามจากความสุขที่ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และทำให้เขาสวยในแบบที่เขาเป็นโดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงอะไร มันเป็นความสวยที่บริสุทธิ์ ตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์กว่า 20 ชิ้นเด็ดที่ครอบคลุมทั้งสกินแคร์ แฮร์แคร์ และบอดี้แคร์

 

 

จากความคลั่งไคล้สกินแคร์ ต่อยอดจนสร้างแบรนด์ของตัวเอง
ผมเป็นคนคลั่งไคล้สกินแคร์มากมาตั้งนานแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าเคยใช้มาเกือบทุกแบรนด์เลยตั้งแต่ราคาถูกยันแพง กระปุกละ 4-5 หมื่นที่เขาว่าดีก็เคยซื้อมาใช้หมดแล้ว บางทีเซตสกินแคร์เป็นแสนก็กล้าซื้อ เพราะเราอินกับสกินแคร์มาก เรารักการดูแลตัวเอง ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก ผิวเราจะไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แต่พอเรียนจบ เริ่มอายุมากขึ้น กรรมพันธุ์ของเราก็จะมีพวกกระที่ขึ้นตามตัว คุณพ่อคุณแม่เรานี่เป็นกระเยอะมาก ก็เลยเริ่มดูแลตัวเอง แล้วอาชีพติวเตอร์ในตอนนั้นเป็นงานที่หนักนะ หลังจากสอนก็ต้องมานั่งตรวจการบ้านอะไรต่างๆ ชีวิตเราก็เริ่มโทรม เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องหันมาดูแลผิวพรรณอย่างเต็มที่

 

ตอนนั้นอะไรที่เขาว่าดีก็ลองหมด เวลาเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์แบรนด์ดังๆ จะพุ่งไปหาตัวที่ดีที่สุดของแบรนด์เสมอ แต่ก่อนครีมทาหน้ากระปุกละ 2-3 พันก็ถือว่าแพงแล้วนะ แต่สำหรับเรา การใช้สกินแคร์มันเหมือนการเสพศิลปะ เรารู้แหละว่าครีมไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเราได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการบำรุงผิวไม่ได้เห็นผลเหมือนการศัลยกรรม แต่ละแบรนด์เขามีเทคโนโลยีของเขา มีส่วนผสมและส่วนประกอบต่างๆ ที่นำเสนอจุดดี-จุดเด่น ซึ่งเราชื่นชอบตรงนี้และหลงใหลมากจริงๆ มันอธิบายยากว่าทำไมชอบขนาดนั้น เหมือนคนบ้ากางเกงยีนส์แล้วต้องซื้อเก็บทุกรุ่นประมาณนั้น มันทำให้เราคิดอยากมีแบรนด์ของตัวเอง

 

 

สเตปแต่ละก้าวของแบรนด์เริ่มอย่างไร
เราทุ่มเทศึกษาเรื่องวัตถุดิบอยู่นาน เริ่มด้วยการอ่านหนังสือ อ่านงานวิจัย บทความต่างๆ และทำการทดลองใช้ส่วนผสมนั้นๆ ด้วยตัวเอง ที่เราอ่านเยอะและลองทาครีมหลายแบรนด์พราะอยากรู้ว่าทำไมใช้สิ่งนี้แล้วดี เราจะไม่ค่อยเชื่อการรีวิวของบล็อกเกอร์ เราจะมีความรู้สึกว่าผิวพรรณคนเราแตกต่างกัน เราควรจะลองด้วยตัวเอง กล้าพูดว่าเคยลองมาหลายแบบแล้ว ลองแล้วแพ้ แสบ คัน หรือว่าหน้าแดงก็มี ซึ่งเราจะจดจำไว้หมดว่าในผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างที่ใช้ อะไรที่ดีต่อผิวเรา อะไรใช้แล้วไม่แพ้ หรือจำแม้กระทั่งอะไรที่ใช้แล้วแพ้ เราจะเก็บรายละเอียดไว้ตลอด แม้แต่สารตัวเดียวกันที่เป็นส่วนประกอบในสกินแคร์ ทำไมแบรนด์นั้นเราใช้แล้วแพ้ แต่พอมาใช้อีกแบรนด์กลับไม่แพ้ ทำให้เราศึกษาลงลึกขึ้นไปอีก จึงได้รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับเกรดของวัตถุดิบและกรรมวิธีในการผสมด้วย เราศึกษาว่าในผลิตภัณฑ์เด่นของแต่ละแบรนด์ใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง เราอ่านและลองมาเยอะมากจนไม่รู้จะลองอะไรอีก ก็เลยคิดอยากสร้างแบรนด์ตั้งแต่ตอนนั้น

 

ต้องวัตถุดิบที่ดีที่สุดเสมอ
แม้เราจะรู้เรื่องวัตถุดิบเยอะ อ่านมาเยอะ แต่ในขั้นตอนของการผสมสารต่างๆ เข้าด้วยกัน เรายังไม่ได้รู้ลึกซึ้งมาก เลยเลือกที่จะเริ่มจากน้ำมันออร์แกนิก เพราะความเป็นออร์แกนิกมันไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย ก็เลยศึกษาว่าน้ำมันออร์แกนิกยอดนิยมของโลกอยู่ที่ไหน มีน้ำมันอะไรบ้าง พอเราเปิดตัวแบรนด์บริสุทธิ์ไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เราก็เริ่มแตกไลน์ออกมาเรื่อยๆ เราชอบมองหาของดีจากทวีปอื่นๆ อีกอย่างอเมริกาใต้เป็นทวีปที่มีน้ำมันเยอะมาก ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สมบูรณ์ เป็นป่า เราก็ไปติดต่อหาน้ำมันดีๆ มาใช้ทำผลิตภัณฑ์ แต่พอเห็นราคาน้ำมันจากบราซิลแล้วก็ต้องยอมรับว่าแพงมาก แต่หลังจากเปิดตัว เราเริ่มมีทุนที่จะมาต่อยอด ก็เลยกล้าจะลงทุน Pequi คือน้ำมันที่ได้มาจากประเทศบราซิล ชื่อจะแปลกหน่อย แต่คุณสมบัติดีมากเลย เป็นชนิดที่รวมเอาวิตามิน A และวิตามิน C สูงที่สุดในโลก ซึ่งต้องเก็บจากป่าเท่านั้น แล้วรัฐบาลบราซิลห้ามนำพันธุ์พืชของน้ำมันชนิดนี้ออกไปเพาะปลูกนอกประเทศ เพราะเขาหวงมาก แต่สามารถซื้อในรูปของผลผลิตได้ เช่น น้ำมันหรือสารสกัดน้ำมัน อะไรอย่างนี้สามารถทำได้ เราเลยได้น้ำมันมาจากบราซิล เท่ากับว่าตอนนี้แบรนด์บริสุทธิ์รวบรวมของดีจากทั่วโลกมาให้คนไทยได้ใช้

 

 

คลีนเซอร์ดาวเด่น เกิดจากความล้มเหลวในการทำสบู่ออร์แกนิก

ก่อนจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ดาวเด่นของแบรนด์อย่าง African Baobab Oil Cleanser มาจากตอนแรกพยายามจะทำสบู่ออร์แกนิก เพราะคิดว่าเคยเรียนมาแล้วก็น่าจะทำง่าย เราก็ใช้น้ำมันออร์แกนิกพรีเมียมเลย มันต้องเวิร์กแน่ พอทำมาลองใช้ก็พบปัญหาว่าน้ำมันดีๆ มันไม่คงตัว สบู่จึงละลายไว มันเป็นการเสียคุณค่าของน้ำมันดีๆ ไป ซึ่งการจะทำให้น้ำมันแข็งตัว เราก็ต้องเพิ่มน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันอื่นลงไป ซึ่งเรามองว่าคนแพ้ก็มีเยอะ แถมยังอุดตันผิวด้วย ก็เลยต้องคิดใหม่ แต่ยังคงคอนเซปต์เดิมที่เราตั้งใจจะนำเสนอคุณค่าของน้ำมันออร์แกนิก เลยตัดสินใจจะทำออยล์ทำความสะอาดผิว

 

เราหาข้อมูลจนมั่นใจแล้วว่า Baobab Oil เป็นน้ำมันออร์แกนิกที่ดีที่สุดจากโมร็อกโกที่กว่าจะได้มา เขาทำด้วยมือจริงๆ ไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และเป็นน้ำมันที่ได้ตรา USDA Organic (U.S. Department of Agriculture) ซึ่งเป็นตรารับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา แล้วโมร็อกโกเป็นประเทศที่ขายน้ำมันจากพืชธรรมชาติ หากน้ำมันของเขาไม่ได้ตรา USDA เขาก็ขายไม่ออก เราเลยเลือกน้ำมันจากโมร็อกโก และมั่นใจว่าคนไทยใช้ได้ทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวผสม คนเป็นสิวใช้ได้ น้ำมันที่จะช่วยเรื่องนี้ได้มันต้องมีองค์ประกอบของกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) หากมีสิวอุดตันใต้ผิวเยอะ ในช่วงแรกจะทำให้สิวสุกและหลุดออกง่ายขึ้นในบางเคสครับ และเมื่อผิวปรับสมดุลน้ำมันใต้ผิวได้อย่างเหมาะสมแล้ว ตัวนี้ถือว่าป้องกันปัญหาริ้วรอยได้ดีและดูแลได้ครบทุกด้านในการมีผิวสุขภาพดีเลยครับ

 

 

หัวใจสำคัญของแบรนด์คืออยากสร้างความรู้ให้คนไทย

คนไทยมีปัญหาสิวค่อนข้างเยอะ ถึงแม้เราจะไปถามว่าเขาต้องการอะไรจากสกินแคร์ เขาก็จะยังต้องการครีมที่ช่วยเรื่องขาวกระจ่างใส แต่พอเขาไปใช้ครีมเหล่านั้นแล้วแพ้ มันก็เกิดปัญหาสิวตามมาอยู่ดี การที่เราศึกษามาเยอะ เรารู้เลยว่าสารไวเทนนิ่งนี่ราคาแพงมากจริงๆ แต่พอเรามาลองตรวจดูส่วนประกอบของครีมทาหน้าขาวต่างๆ ที่ขายในราคาถูก คิดว่าเขาจะใส่อะไรลงไปถ้าไม่ใช่สารอันตราย เราก็อยากให้ความรู้คนไทยให้รักในสีผิวของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดมามีสีผิวแบบไหน จงภูมิใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ แต่ขอให้มันเป็นผิวที่ดูสุขภาพดีและกระจ่างใส แค่นี้ก็ดูอ่อนเยาว์และดูดีได้

 

อีกอย่างเรามั่นใจว่าศึกษามาเยอะ แม้เราจะไม่ได้มีทีม R&D (Research and Development) แต่ศึกษาในศาสตร์นี้จนรู้ว่าสารสกัดแต่ละอย่างใส่เป็นส่วนประกอบได้กี่เปอร์เซ็นต์ ขีดจำกัดมันเท่าไร และเราก็ปรึกษาเพื่อนของเราซึ่งจบเภสัชฯ กับปรึกษาแฟนเราที่เป็นหมอด้วย สารสกัดต่างๆ ที่เราคัดสรรมาก็ล้วนเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ เป็นน้ำมันออร์แกนิกธรรมชาติทั้งนั้น จึงมั่นใจว่าเราสามารถให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรากับลูกค้าได้

 

ที่มาของแพ็กเกจมินิมัลที่โดนใจใครหลายคน
เราไม่ได้ต้องการแพ็กเกจที่มีการออกแบบหรือตกแต่งอะไรเยอะ เราอยากโชว์ให้เห็นเนื้อผลิตภัณฑ์ของเรามากกว่าจะทำให้แพ็กเกจโดดเด่น นั่นเป็นเหตุผลที่เราเลือกใช้แก้วและพลาสติกที่สามารถบรรจุผลิตภัณฑ์น้ำมันออร์แกนิกที่ป้องกันการออกซิไดซ์ได้ แล้วบริสุทธิ์ก็หมายถึงอะไรที่มันเล็กน้อยอยู่แล้ว

อีกอย่างเราไม่เก่งเรื่องออกแบบเลย เราแค่มีภาพในหัวว่าอยากได้แบบนี้ เราเลยไม่ต้องทำอะไรกับแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ของเรามาก เราใช้แค่สติกเกอร์สีขาวที่แปะทับลงไปบนขวดแก้วหรือพลาสติก แต่ก็เป็นชนิดที่แปะแล้วทนน้ำกับน้ำมันได้ดี จึงกลายเป็นแพ็กเกจอย่างที่เห็น และเราก็ชอบมาก เพราะมันโชว์สีของน้ำมันธรรมชาติข้างในที่มองเห็นได้ แล้วคนสมัยนี้ชอบถ่ายรูปมากและถ่ายสวยด้วย ลูกค้าของเราที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปก็เซตถ่ายผลิตภัณฑ์ของเราแล้วส่งรูปมาให้มากมาย ซึ่งเราดีใจมาก ในฐานะที่เราเป็นแบรนด์ใหม่ แบรนด์อะไรก็ไม่รู้ แต่เขาให้โอกาสเรา เขาใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแล้วชอบและฟีดแบ็กมาให้เรา

 

 

ธุรกิจความงามในไทย

อยากพูดถึงกลุ่มหนึ่งของคนที่ทำธุรกิจความงาม คนขายครีมบำรุงผิวต่างๆ ที่เป็นแพตเทิร์นเดียวกัน มีการจ้างโรงงานผลิต โดยที่ผู้ผลิตอาจจะไม่มีความเข้าใจว่าส่วนผสมที่ใส่ลงไปมีอะไรบ้าง มีสารอันตรายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกวันนี้มันมีคนที่มุ่งหวังผลิตครีมคุณภาพไม่ดีออกมาเพื่อคำว่าธุรกิจจริงๆ โดยที่เขาทำเพื่อจำหน่ายเอากำไร เจ้าของบางคนไม่ได้ใช้เองด้วยซ้ำ แต่ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเรา เราศึกษา เราทดลองใช้ด้วยตัวเอง เราให้เพื่อนเรา แฟนเรา ญาติหรือคนในครอบครัวเราได้ลองใช้จริงก่อนที่เราจะกล้านำออกมาขาย

 

โดยส่วนตัวมองว่าหากจะขายสกินแคร์ แต่ตัวเองไม่กล้าใช้ มันคงเป็นบาป จึงเป็นอะไรที่ไม่แฮปปี้สำหรับเรา เราไม่แฮปปี้ที่ไม่รู้ว่าเขาใส่สารอะไรลงไป อย่างทุกวันนี้ที่เป็นข่าวดังทั้งเรื่อง อย.ปลอม หรือปลอมแปลงส่วนผสมต่างๆ เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไทยมาก เพราะข่าวและภาพลักษณ์ของแบรนด์ไทยไม่ค่อยดีเลย แต่ท่ามกลางสิ่งแย่ๆ ที่เป็นข่าวมันก็มีข้อดี คือมันจะกระตุ้นเตือนให้คนไทยหาความรู้ให้ตัวเองกันมากขึ้น เวลาจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เขาก็มองหาคุณภาพที่เชื่อถือได้จากแหล่งผลิตที่น่าไว้วางใจ

 

ชีตมาสก์ข้าวไทย น้องใหม่ล่าสุดของแบรนด์บริสุทธิ์

เราไม่ได้มองหาแต่วัตถุดิบดีๆ จากต่างประเทศเท่านั้น เร็วๆ นี้เรากำลังจะมี Biocellulose Mask ที่ทำจากข้าว ของดีของประเทศไทย จากนักวิจัยคนไทย เกิดจากการนำข้าวมาเพาะเชื้อและสร้างเป็นเส้นใยตามธรรมชาติ มีลักษณะพิเศษคืออุดมไปด้วย NMF (สารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ) วิตามินและแร่ธาตุจากข้าว เพียงใช้แค่แผ่นมาสก์เปล่าๆ ก็ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นได้ครับ แต่เราไม่ทำแค่นี้แน่นอนครับ เราใช้สารสกัด Guarana Berry ที่เป็นหนึ่งในพืชที่มีกาเฟอีนมากที่สุดในโลก ช่วยลดอาการบวมน้ำและช่วยระบายน้ำเหลืองให้เป็นปกติเพื่อลดอาการคั่งของของเสีย ทำให้ผิวหน้าได้รูป ตึงกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวสวยสมบูรณ์แบบอีก 15 ชนิด ทั้งเป็น Anti-aging, Brightening, Moisturizing และ Soothing อีกทั้งตัวมาสก์สามารถแปะทิ้งไว้ได้ทั้งคืน 1 แผ่นใช้ได้ถึง 3 ครั้ง โดยไม่ดูดสารบำรุงกลับคืนเหมือนชีตมาสก์ทั่วไป แนะนำให้ใช้ทุกวันเป็นเวลา 28 วัน นี่คือ Intensive Treatment ที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง กระจ่างใส แน่นกระชับ ตัวช่วยเร่งด่วนที่เราตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด รอติดตามได้เร็วๆ นี้นะครับ

 

เป้าหมายต่อไปของแบรนด์บริสุทธิ์
ในอนาคตเรามีแผนว่าจะทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวสปาด้วย อย่างที่ทุกคนรู้ดี สปาไทยนี่เจ๋งมากเลย ทั้งนวดแผนโบราณ ทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยต่างๆ เป้าหมายต่อไปของเราคือนำผลิตภัณฑ์บริสุทธิ์ไปใช้ในสปาของโรงแรมระดับ 5 ดาว เราตั้งเป้าหมายใหญ่แบบนั้นเลย เพราะคนเราถ้าไม่ตั้งเป้าหมายสูงสุด เราจะไม่เห็นคุณค่าของความพยายาม ซึ่งถ้าทำได้คงจะภูมิใจมาก

 

Photo: Brisuthi