วันนี้ (2 มิถุนายน) ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นำตัว ไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ตามเลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ในคดีน้องชมพู่ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
ขณะที่วันนี้ ทนายตั้มเดินทางมาด้วยรถกระบะสีดำ ก่อนจะเดินทางลงจากรถโดยมีสื่อมวลชนห้อมล้อมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคดี
ทนายตั้มเปิดเผยว่า หลัง ไชย์พล วิภา หรือลุงพล ถูกออกหมายจับ ก็มีความพยายามจะนำ ลุงพลเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สำหรับการเลือกที่จะมอบตัวกับ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะถือว่าเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี ถึงแม้เหตุการณ์ก็จะเกิดที่จังหวัดมุกดาหารก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาหรือต่อรองเรื่องการขอประกันตัวตามที่มีกระแสข่าว แต่ลุงพลพยายามจะเข้าพบตัว แต่ตำรวจไม่รับมอบตัว
ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถตอบได้ ต้องดูรายละเอียดตอนพบพนักงานสอบสวนก่อน พร้อมระบุ ก่อนมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนตัวยังไม่พบกับลุงพล เนื่องจากได้นัดมาเจอลุงพลที่เดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหารให้มาเจอกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนี้จึงต้องมีการพูดคุยกับลุงพลก่อน
ในเวลาต่อมาพบว่าลุงพลพร้อมด้วยป้าแต๋นได้เดินเข้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางด้านหลัง โดยมีการเข้าพบตำรวจบริเวณชั้น 1 โดยลุงพลสวมเสื้อยืดสีขาว มีผ้าพันคอลายพื้นบ้านสีน้ำเงิน ใส่กางเกงยีนส์ ส่วนป้าแต๋นสวมเสื้อคลุมสีแดง สวมกางเกงยีนส์และสะพายกระเป๋าเป้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวเข้าไปพูดคุยภายในห้องโถงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีทนายตั้มเข้าไปสมทบ
วานนี้ (1 มิถุนายน) ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อนุมัติหมายจับ ไชย์พล วิภา หรือลุงพล ตามเลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ใน 3 ข้อหา
1. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร
2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย
3. กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากกรณีการหายตัวไปของ น้องชมพู่ หรือ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา วัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้
ขณะที่ปรากฏการณ์คดีลุงพลได้กลายเป็นคำถามใหญ่ของสังคมที่มีต่อวงการสื่อมวลชน ถึงการประกอบสร้างตัวตนของลุงพลขึ้นมา จากผู้ต้องหากลายเป็นคนดัง สารพัดบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าไปเกี่ยวเนื่อง จนถูกตั้งคำถามเช่นกันว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือไม่
ประเด็นของลุงพลและการนำเสนอข่าวที่ให้น้ำหนักอย่างมากต่อแง่มุมชีวิต หรือการขยับเคลื่อนไหวของครอบครัวลุงพล จนกลายเป็นกระแสทั้งในแง่บวกและลบ กลายเป็นบูมเมอแรงที่สะท้อนกลับมาหาสื่อ ถึงการนำเสนอข่าวและการให้คุณค่า ว่านี่คือความบิดเบี้ยว เพราะหวังเพียงเรตติ้งหรือกระแส โดยไม่สนประโยชน์สาธารณะที่ประชาชนควรได้รับหรือไม่
หลังมีสื่อหลายสำนักนำเสนอข่าวการออกหมายจับ พบว่าโลกออนไลน์ส่วนหนึ่งได้ตั้งคำถามต่อจังหวะการดำเนินคดีว่ามีเป้าประสงค์เพื่อกลบกระแสข่าวอื่นหรือไม่ตามมาเช่นกัน
ปรากฏการณ์ลุงพลได้สร้างพื้นที่ในการถกเถียงหลายเรื่อง ทั้งสื่อ กระบวนการยุติธรรม รวมถึงภาพสะท้อนสังคมต่อความสนใจที่มีต่อลุงพลไปพร้อมกันด้วย
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม