ชาวบราซิลออกมาชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดีในหลายเมือง เหตุไม่พอใจการรับมือโควิด-19

เมื่อวานนี้ (29 เมษายน) ประชาชนชาวบราซิลนับหมื่นคนออกมาเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อแสดงความไม่พอใจกับการรับมือโควิด-19 ของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งนับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในบราซิลครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าความนิยมในตัวประธานาธิบดีที่มีแนวคิดขวาจัดรายนี้ดิ่งลงจากการรับมือกับโรคระบาด

การประท้วงดำเนินไปในหลายเมือง อาทิ เซาเปาโล, รีโอเดจาเนโร และบราซิลเลีย โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี ตลอดจนการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ที่ดีขึ้น ผู้ประท้วงชูป้ายข้อความอาทิ “โบลโซนารูออกไป” และ “ถอดถอนเดี๋ยวนี้” สำนักข่าว Reuters ระบุว่า การประท้วงดังกล่าวจัดขึ้นโดยพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย, สหภาพแรงงาน และสมาคมนักศึกษา ส่วนสำนักข่าว CNN รายงานว่า ผู้ประท้วงหลายรายไม่ได้มีระยะห่างทางสังคมมากนัก แม้ว่าส่วนใหญ่จะสวมหน้ากากอนามัยก็ตาม

แพทริเชีย เฟอร์เรรา พยาบาลคนหนึ่งระบุว่า โบลโซนารูเองนั้น “แย่กว่าไวรัสเสียอีกในเวลานี้” เธอบอกว่าระบบการรักษาพยาบาลใกล้จะพังแล้ว และเชื่อว่าไม่มีทางออกสำหรับปัญหาการระบาดหากโบลโซนารูยังอยู่ในอำนาจ

ส่วน เบียทริซ เฟอร์นันดา ซิลวา นักศึกษาคนหนึ่งระบุว่า เธอมาเดินขบวนประท้วงเพื่อแสดงความเคารพต่อลุงของเธอ ซึ่งเสียชีวิตจากโควิด-19 ในวัย 42 ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ภรรยาและลูกๆ ทั้งสองคนของลุงของเธอต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีเขา “ฉันมาที่นี่เพื่อต่อสู้เพื่อวัคซีนที่อาจจะช่วยชีวิตลุงของฉันไว้ได้ แต่เขาไม่สามารถเข้าถึงมันได้” เธอระบุ และบอกว่าตระหนักถึงความเสี่ยงจากการออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องออกมาส่งเสียง

“มีผู้คนจำนวนมากกำลังจะตาย โบลโซนารูควรจะทำอะไรสักอย่าง แต่ตั้งแต่ต้นเขาก็ปฏิบัติต่อสถานการณ์นี้ด้วยการเพิกเฉย” ซิลวากล่าวกับสำนักข่าว CNN

บราซิลกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 79,670 ราย รวมถึงยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 จำนวน 2,012 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมในบราซิลก็อยู่ที่มากกว่า 16 ล้านราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 460,000 ราย ขณะที่มีผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามจำนวนโดสแนะนำแล้วราวร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศที่มีมากกว่า 210 ล้านคน

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ท่าทีของโบลโซนารูคือการพยายามทำให้การระบาดดูเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง เขาเคยเรียกโควิด-19 ว่าเป็น “ไข้หวัดเล็กๆ น้อยๆ” และพยายามทำลายความพยายามในการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือการล็อกดาวน์ ขณะที่วุฒิสภาของบราซิลกำลังไต่สวนการรับมือกับโควิด-19 ของรัฐบาลโบลโซนารูเช่นกัน

การประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ ยกเว้นในเมืองเรซีเฟ เมืองหลวงของรัฐเปร์นัมบูกู ซึ่งตำรวจได้ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชน ขณะที่รองผู้ว่าการรัฐดังกล่าวระบุว่าคำสั่งสลายฝูงชนไม่ได้มาจากรัฐบาล และเริ่มมีการสอบสวนเกี่ยวกับยุทธวิธีของตำรวจแล้ว ส่วนผู้ว่าการรัฐเปร์นัมบูกูก็สั่งพักงานผู้บัญชาการตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ

ก่อนหน้านี้ราวหนึ่งสัปดาห์ มีการชุมนุมรถจักรยานยนต์ของผู้สนับสนุนโบลโซนารูในเมืองรีโอเดจาเนโร ซึ่งที่นั่นโบลโซนารูเข้าร่วมด้วย และได้แสดงการสนับสนุนการต่อต้านมาตรการที่เข้มงวด ขณะบรรดาผู้สนับสนุนโบลโซนารูเรียกร้องให้ล้มล้างศาลฎีกาของบราซิล ซึ่งได้ให้อำนาจกับผู้ว่าการท้องถิ่นและนายกเทศมนตรีในการบังคับใช้มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพ: Cristina Szucinski / Anadolu Agency via Getty Images

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: