ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของสาวๆ ยุคปัจจุบันที่อยู่ในวัย 30+ คือการแวะเวียนไปฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาผิวและทำให้ใบหน้าเรียวได้รูปมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งทางเลือกที่เห็นผลได้รวดเร็ว โดยหลักการทำงานของโบท็อกซ์คือการลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยต่างๆ บริเวณหน้าผากที่มีรอยย่น ร่องคิ้ว ร่องแก้ม ตีนกา ดูดีขึ้น แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็จะกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน สารชนิดนี้มีชื่อสามัญทางการแพทย์ว่า โบทูลินัมท็อกซิน ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดมีโบทูลินัมท็อกซินหลายยี่ห้อ โบท็อกซ์ก็เป็นหนึ่งในยี่ห้อเหล่านั้น สารชนิดนี้ได้ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 โดยนำมาใช้ครั้งแรกเพื่อรักษาเด็กที่มีอาการตาเขจากกล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติ และในภายหลังได้นำมาใช้กันอย่างกว้างขวางสำหรับโรคหรือภาวะที่กล้ามเนื้อทำงานมากเกินไป ปัจจุบันแม้การฉีดโบท็อกซ์จะได้รับความนิยมในด้านความงาม ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้ากระชับ เรียวได้รูปแล้ว โบท็อกซ์ยังมีประโยชน์ในทางการแพทย์สำหรับการรักษาอาการอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้
1. รักษาโรคตาเข
2. รักษาโรคตากระตุก
3. รักษาโรคกล้ามเนื้อเกร็ง
4. รักษาภาวะปวดศีรษะจากไมเกรน
5. รักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อทางเดินปัสสาวะ
6. รักษาปัญหาเหงื่อออกมากใต้วงแขน
ภาพ: Shutterstock
ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
สูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล