ธปท. เลื่อนกรอบเวลาเปิดให้ขอไลเซนส์ Virtual Bank เป็นไตรมาส 4 เตรียมรับฟังความเห็นอีกรอบพร้อมออกเกณฑ์ใหม่ในไตรมาส 3 เล็งกระตุ้นการค้าผ่านสกุลเงินท้องถิ่นหวังลดความผันผวนเงินบาท
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. มีการเลื่อนกรอบเวลาการเปิดรับสมัครผู้ที่จะยื่นขอใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank ออกไปเป็นภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จากเดิมที่กำหนดไว้ในไตรมาส 3 เนื่องจากในการเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นช่วงที่ผ่านมา ได้มีคำถามจากผู้ที่ให้ความสนใจเข้ามาค่อนข้างมาก ธปท. จึงมองว่าจำเป็นต้องมีคู่มือออกมาชี้แจงเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการต่างๆ ล่าช้าออกไปจากเดิม
“ในการรับฟังความเห็นเราได้รับคำถามหลากหลาย บางคนอาจคุ้นเคยกับหลักเกณฑ์ บางคนอาจไม่คุ้น เราจึงต้องการเคลียร์คำถามทั้งหมดเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทุกราย ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ โดย ธปท. จะออกหลักเกณฑ์และรับฟังความเห็นอีกครั้งภายในไตรมาสที่ 3 ก่อนจะเปิดให้ยื่นสมัครขอรับใบอนุญาตได้ในไตรมาส 4” เศรษฐพุฒิกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่องเกณฑ์จัดตั้ง ธนาคารดิจิทัล Virtual Bank ของไทย หลังแบงก์ชาติเตรียมเปิดให้ไลเซนส์
- ‘กรุงไทย’ กางโรดแมป 5 ปี สร้าง New Growth เตรียมรุก Virtual Bank และ Wealth Tech ขยายฐานลูกค้า
- ซีอีโอ ‘ยานแม่’ แย้มสนใจจัดตั้ง Virtual Bank พร้อมปัดข่าวการขายกิจการธุรกิจจัดการกองทุน
ผู้ว่า ธปท. ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank เข้ามา ทั้งกลุ่มที่เป็นธนาคารแบบดั้งเดิมและกลุ่มนอนแบงก์ อย่างไรก็ดี ธปท. ยังคงจำกัดจำนวนใบอนุญาตในระยะแรกนี้เอาไว้แค่ 3 รายเท่าเดิมก่อน เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเสถียรภาพ เพราะ Virtual Bank มีการรับเงินฝาก จึงไม่อยากให้เกิดภาพเหมือนในต่างประเทศที่เปิดในจำนวนเยอะแล้วสุดท้ายต้องตามไปปิด
นอกจากนี้ เศรษฐพุฒิยังกล่าวถึงสถานการณ์ของค่าเงินบาทที่มีความผันผวนสูงกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาคว่า ปัจจัยหลักเกิดจากความไม่แน่นอนของโลกมากกว่า 80% นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเฉพาะตัว คือการที่เงินบาทมีความเชื่อมโยงกับจีนและเงินหยวนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึงแรงซื้อขายทองคำของคนไทยที่ล้วนมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะข้างหน้านั้น ประเมินว่าสถานการณ์โลกในขณะนี้ยังมีความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท เพราะการค้าสัดส่วนราว 80% ของไทยอยู่ในรูปดอลลาร์ ทั้งนี้ เพื่อลดความผันผวนในอนาคต ธปท. จะพยายามเน้นส่งเสริมให้มีการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น
“4 สกุลเงินที่เราต้องการจะส่งเสริมให้มีการค้าโดยตรงกับเงินบาทมากขึ้น คือเงินริงกิต มาเลเซีย, เงินรูเปียห์ อินโดนีเซีย, เงินเยน ญี่ปุ่น และเงินหยวน ของจีน โดยในส่วนของเงินหยวนนั้น ธปท. มีการหารือกับทางการของจีนเพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นระหว่างกันไปแล้ว และจะมีการประชุมเพิ่มเติมอีกในเดือนหน้า” ผู้ว่า ธปท. กล่าว
