×

ธปท. ย้ำฐานะการเงินแบงก์แกร่ง หนี้เสียต่ำเพียง 3% เร่งดันธนาคารให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เชิงรุกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

14.06.2021
  • LOADING...
ธนาคารแห่งประเทศไทย

รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ฐานะการเงินของสถาบันการเงินในประเทศขณะนี้ยังมีความมั่นคงและแข็งแรง ทั้งในส่วนของสภาพคล่องและเงินกองทุน โดยภาพรวมธนาพาณิชย์ยังมี ​Total Capital Ratio อยู่ที่ 20% และ NPL Coverage Ratio ที่ 150% ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท. ยินยอมให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ไม่เกินอัตราจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ของแต่ละแห่งในปี 2563 และไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2564

 

“ภาพรวมหนี้เสียทั้งระบบขณะนี้อยู่ที่ 3% และไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าเราอาจเห็นการเพิ่มขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจที่สูงกว่ากลุ่มอื่น เช่น กลุ่มธุรกิจในภาคบริการและท่องเที่ยว โจทย์ของเราในตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้สถาบันการเงินเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนได้ทันการณ์และตรงจุด” รณดล กล่าว

 

รองผู้ว่า ธปท. กล่าวอีกว่า สิ่งที่ ธปท. จะพยายามในการผลักดันในช่วงครึ่งหลังของปีการให้ความช่วยเหลือกับลูกหนี้ในรูปแบบเชิงรุกมากขึ้น การประคองให้ธุรกิจที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงนี้อยู่รอดได้จนกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดได้ 

 

สำหรับความคืบหน้าของมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ ข้อมูล ณ วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า โครงการสินเชื่อฟื้นฟูได้รับการอนุมัติวงเงินแล้ว 30,915 ล้านบาท มีจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 10,862 ราย คิดเป็นวงเงินอนุมัติเฉลี่ย 2.8 ล้านบาทต่อราย ขณะที่โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มีมูลค่าสินทรัพย์ที่รับโอนที่ 909 ล้านบาท จากผู้ได้รับความช่วยเหลือ 4 ราย โดยเชื่อว่าจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือจะทยอยเพิ่มขึ้นหลังจากนี้

 

“การดูแลของ ธปท. จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะชัดเจน ระยะแรกจะเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปเพื่อให้ลูกหนี้ยังประคองตัวได้จนพ้นวิกฤต แต่เมื่อเราฉีดวัคซีนได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเงินที่จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูและลงทุนก็เป็นเรื่องสำคัญ” รองผู้ว่า ธปท. กล่าว

 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ ธปท. จะขยายอายุมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ของธนาคารพาณิชย์เหลือ 0.23% จาก 0.46% ต่อปี ซึ่งจะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2564 รณดล กล่าวว่า ประเด็นนี้จะต้องมีการประเมินก่อนว่าในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์สามารถส่งต่อความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้มากน้อยเพียงใด หากมาตรการนี้สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้นก็อาจพิจารณาต่ออายุ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของมาตรการนี้คือการช่วยเหลือลูกหนี้ ไม่ใช่การช่วยลดต้นทุนของธนาคาร

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising