×

Bohemian Rhapsody ภาพยนตร์ชีวประวัติของ Freddie Mercury แห่งวง Queen ที่ปรุงแต่งตามหลักสูตรฮอลลีวูด

25.10.2018
  • LOADING...
oscasrs2019

เฟรดดี เมอร์คูรี (Freddie Mercury) ชื่อนี้มีความสำคัญต่อ ‘ประวัติศาสตร์’ อย่างท่วมท้น โดยที่ไม่ต้องไปจำกัดความว่า ‘ประวัติศาสตร์ดนตรี’ เพราะผลงานที่เขาได้สร้างสรรค์ในฐานะนักร้องนำวง Queen ถือได้ว่าปฏิวัติสังคม และเชื่อมต่อคนทุกรูปแบบเข้าด้วยกันในทางที่ศาสตร์อื่นอาจเทียบไม่ได้

 

การได้ฟังเพลงที่เฟรดดีร้อง ทำให้เราเห็นความสำคัญของชีวิต มีพลัง สนุก และรู้ว่ายังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ อย่าเสียเวลาจมปลักอยู่กับความทุกข์ในอดีต ความคิดนี้อาจเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างฟังเพลย์ลิสต์ของ Queen วนสองสามรอบใน Spotify หรือเปิดดูคอนเสิร์ตใน Youtube สัก 20 นาทีต่อวัน

 

ย้อนกลับไปตอนที่ฮอลลีวูดประกาศว่าอยู่ในขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์ชีวประวัติของ เฟรดดี เมอร์คูรี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ในปี 1991 ด้วยวัยเพียง 45 ปี หลายคนก็ตื่นเต้นว่า ถึงเวลาที่เด็กยุคใหม่จะได้สัมผัสถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ของวัฒนธรรมที่เราแทบไม่ได้เห็นอีกแล้ว แต่ก็เชื่อว่า ในขณะเดียวกันอีกหลายคนก็เป็นกังวลว่า ภาพยนตร์จะถูกปรุงแต่งโดยกระบวนการและรสชาติของฮอลลีวูดที่จะพยายามทำให้ ‘ไอดอล’ ของเขา เป็นสินค้ามากกว่ามนุษย์ที่น่าค้นหา ซึ่งหลังรอมานาน ภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody ก็พร้อมเข้าฉาย และพร้อมทำให้เพลงของเฟรดดี และวง Queen กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง

 

 

Bohemian Rhapsody เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่เล่าเรื่องราวของผู้ชายชื่อ ฟารุค บัลซารา (Farrokh Bulsara) ที่เติบโตมากับครอบครัวเชื้อสายเปอร์เซียในอังกฤษที่เคร่งครัด และวันหนึ่งด้วยความบังเอิญ เขาได้กลายมาเป็นนักร้องนำที่ต่อมาเรียกตัวเองว่า ‘Queen’ พร้อมอีก 3 สมาชิกของวง ไบรอัน เมย์ (Brian May) (แสดงโดย กวิลิม ลี (Gwilym Lee)), โรเจอร์ เทย์เลอร์ (Roger Taylor) (แสดงโดย เบน ฮาร์ดี (Ben Hardy)) และจอห์น ดีคอน (John Deacon) (แสดงโดย โจเซฟ มาซเซลโล (Joseph Mazzello)) ซึ่งฟารุคได้เปลี่ยนชื่อเป็น เฟรดดี เมอร์คูรี (แสดงโดย รามี มาเลก (Rami Malek)) ในภายหลัง และพบเจอกับความสำเร็จที่ทำให้เขาได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในศิลปินที่สำคัญสุดในประวัติศาสตร์

 

ตลอด 134 นาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงแม้องค์ประกอบโดยรวมจะมีสีสันสะดุดตา กับฉาก แสง สี เสียง และเสื้อผ้าที่อลังการราวกับ Planet Hollywood หรือ Hard Rock ในยุคก่อนๆ แต่ภาพยนตร์ค่อนข้างแปรปรวนด้วยความพยายามอัดแน่นเล่าทุกอย่างให้ครบ จนหลายสิ่งสำคัญกลับดูผิวเผิน อย่างเรื่องครอบครัว เพศ การทำเพลง โชว์คอนเสิร์ต ความรัก มิตรภาพ ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจเกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนตัวผู้กำกับในช่วงท้ายการถ่ายทำจาก ไบรอัน ซิงเกอร์ (Bryan Singer) มาเป็น เดกซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ (Dexter Fletcher) หลังจากที่ไบรอันเจอข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดทางเพศ

 

เข้าใจได้ว่าภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody สร้างด้วยทุนสูง และค่ายหนังคงอยากมาร์เก็ตติ้งในรูปแบบภาพยนตร์เพลงเมนสตรีมเหมือน Mamma Mia! หรือ The Greatest Showman ที่ไม่ติดเรตและสามารถขายได้ทั้งอัลบั้มเพลงประกอบหนัง และต่อมาอาจฉายเป็นรอบ Sing-A-Long แต่น่าเสียดายที่ทางทีมสร้างไม่เลือกโฟกัสช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของเฟรดดี ให้เราได้เข้าใจตัวตนของเขาอย่างลึกซึ้ง

 

ส่วนด้านเพลงประกอบที่ ไบรอัน เมย์ และโรเจอร์ เมย์ จากวง Queen มารับหน้าที่ดูแลเองทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นการรวมเพลงแบบ Greatest Hits ที่เราคุ้นหูอย่าง Bohemian Rhapsody, Another One Bites the Dust, I Want To Break Free และ We Will Rock You เป็นต้น พร้อมยังสอดแทรกเหตุการณ์ตอนสร้างสรรค์หรือแสดงเพลงนี้ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่จำลองมหกรรมคอนเสิร์ต Live Aid ในปี 1985 ก็ถือว่ายอดเยี่ยม ตื่นตาทุกนาที จนทำให้คนดูอาจน้ำตาไหลได้ ยิ่งใครที่เคยได้ดูการแสดงจริงใน Youtube ก็จะเป็นการตอกย้ำว่า 20 กว่านาทีที่เฟรดดีแสดงตอนนั้น คือหนึ่งในการแสดงที่ดีสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยพลังบางอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

 

 

แต่สิ่งที่ช่วยเหลือภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก ก็ต้องยกให้การแสดงของ รามี มาเลก ในบทบาท เฟรดดี เมอร์คูรี ที่ถือได้ว่าเป็นการแจ้งเกิดบนจอเงินอย่างสมศักดิ์ศรี และน่าจะทำให้วงการสนใจในตัวเขามากกว่าแค่นักแสดงจากซีรีส์ชื่อดัง Mr. Robot ซึ่งในเรื่องนี้ รามีเก็บรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วของเฟรดดี และสะท้อนหลากหลายอารมณ์ที่ทำให้เห็นว่า เฟรดดีเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ได้พบเจอจุดสูงสุดของชื่อเสียง แต่ในทางกลับกันก็ได้รับบทเรียนราคาแพงมาไม่น้อย

 

ความน่าสนใจต่อไปคือ เมื่อฮอลลีวูดเริ่มทำภาพยนตร์แนวชีวประวัติของศิลปินชื่อดังมากขึ้น อย่างเช่น Rocketman ที่เกี่ยวกับ เอลตัน จอห์น (Elton John) ซึ่งจะเข้าฉายปีหน้า หรือโปรเจกต์ของ เอมี ไวน์เฮาส์ (Amy Winehouse) และ อารีธา แฟรงคลิน (Aretha Franklin) ที่มีการประกาศออกมาแล้ว ภาพยนตร์พวกนี้จะไปในทิศทางไหน และจะเล่มเกมส์สายเมนสตรีมเหมือน Bohemain Rhapsody หรือจะฉีกแนวทำอะไรใหม่ที่คาดไม่ถึง เพราะเราคิดเล่นๆ ว่า ถ้าหนังอย่าง Bohemian Rhapsody ได้ผู้กำกับที่มีมุมมองเฉียบคมทั้งในด้านเนื้อหาและด้านศิลป์อย่าง ดาเมียน ชาเซลล์ (Damien Chazelle) ที่ตอนนี้ก็บังเอิญมีภาพยนตร์ชีวประวัติเกี่ยวกับอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์เหมือนกัน บางครั้งผลตอบรับอาจเป็น ‘We Are The Champions’ ก็ได้

 

ภาพ: Courtesy of Warner Bros.

ตัวอย่างภาพยนตร์ 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising