หิมะสะท้อนแดดอุ่นคล้ายน้ำตาลไอซิ่งขาวพร่างพรมไปทั่วเทือกเขาแอลป์แห่งซีกโลกใต้ ยาวไกลแบบไม่มีที่สิ้นสุด ส่งให้การเข้าสู่เขตแดนของนิวซีแลนด์ครั้งแรกกลายเป็นเรื่องฝันหวานขึ้นมาทันที ในขณะที่กัปตันกำลังพาเราร่อนลงบนเกาะใต้ ลิสต์รายชื่อสถานที่ต้องไปก็ผุดขึ้นเกินคณานับ ขับรถตระเวนเกาะใต้ครั้งนี้ล่ะ ที่เราจะตะลอนทัวร์ไปตั้งแต่ชมเมืองเก่าในยุคตื่นทองศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงตะลุยความชันบนเขาสูงของอุทยานแห่งชาติในเขตมรดกโลก และไม่ลืมเช็กอินในโรงแรมที่เปรียบดั่งไอคอนของประเทศ กับกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย และทั้งหมดนี้คือ 5 สถานที่เช็กอินของนิวซีแลนด์ที่เราเองไม่อยากให้คุณพลาด
1. Lake Wakatipu ทะเลสาบในตำนาน
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ย้อนไปในบรรพกาลนาน 15,000 ปี ธารน้ำแข็งได้กัดเซาะเทือกเขาแอลป์จนเกิดเป็นทะเลสาบวากาติปู เลาะเลี้ยวเคี้ยวคดจนคล้ายรูปตัว S ยาวถึง 80 กิโลเมตร วากาติปูมาจากภาษาเมารี ‘Whakatipu’ แปลว่า ‘โพรงยักษ์’ เป็นไปตามตำนานแบบย่อๆ ว่า ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าเมารีนางหนึ่งถูกยักษ์นาม มาเทา (Matau) จับไป ในขณะที่ยักษ์หลับ ชายที่เธอรักก็ได้เข้ามาช่วยและจัดการเผาร่างยักษ์เสีย จนหิมะทั้งหลายละลายหลอมรวมกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ โดยกินพื้นที่ไปถึงสามเมือง ตั้งแต่เมืองเกลนอร์ชีย์ (Glenorchy) ควีนส์ทาวน์และคิงส์ตัน (Kingston) ตำนานนี้ยิ่งดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นไปอีก เมื่อน้ำในทะเลสาบสูงขึ้นและลดลงได้ถึง 5 นิ้ว ตามจังหวะกายหายใจของเจ้ายักษ์มาเทา (แต่จริงๆ แล้วเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดันบรรยากาศ) ชวนสูดอากาศสดชื่นริมทะเลสาบสีเขียวมรกต นั่งปิกนิกแล้วค่อยๆ สังเกตการขึ้นลงของระดับน้ำที่เต้นไปตามหัวใจของเจ้ายักษ์ใหญ่ผู้กุมความลับใต้ทะเลสาบลึก
Website: www.newzealand.com/int/feature/lake-wakatipu
2. Arrowtown อดีตเมืองขุดทองที่เคยรุ่งเรืองที่สุด
เมืองเก่าพราวเสน่ห์มาตั้งแต่ยุคตื่นทองปี 1862 ดึงดูดให้นักขุดทองจากยุโรปมารวมกันมากถึง 1,500 คน ความงดงามของเมืองประทับใจชาวยุโรปที่มาเยือนเป็นกลุ่มแรกนาม ‘วิลเลียม รีส’ (William Rees) ผู้พรรณนาถึงความงดงามของแม่น้ำแอร์โรว์ไว้ว่า จับใจดั่งเส้นด้ายสีเงิน กระทั่งปี 1865 เหมืองทองแห่งใหม่ในฝั่งตะวันตก (West Coast) ได้เปิดขึ้น นักขุดทองยุโรปทั้งหลายจึงบ่ายหน้าทิ้งแอร์โรว์ทาวน์ไว้ข้างหลัง รัฐบาลจึงต้องพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกตํ่า ด้วยการเชิญคนงานชาวจีนเข้ามาทํางาน หมู่บ้านจีนเล็ก ๆ จึงถูกปะติดปะต่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่ชาวยุโรปทิ้งไว้ให้คือป่าเมเปิ้ลที่ยืนหยัดข้ามกาลเวลา เรียงรายมานานร้อยกว่าปี จนปัจจุบันเกิดเป็น Arrowtown Autumn Festival ที่มักจัดขึ้นทุกปีในปลายเดือนเมษายน แอร์โรว์ทาวน์กลายเป็นที่จับตาอีกครั้งเมื่อคว้าตำแหน่ง ‘สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของนิวซีแลนด์’ ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่ 21 ทั้งนี้คุณยังสามารถเลือกทำกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นตีกอล์ฟ ปั่นจักรยาน เดินป่าชมบรรยากาศ หรือเล่นสกีในช่วงฤดูหนาว
Website: www.arrowtown.com
3. Cardrona Hotel โรงแรมเก่าแก่ที่สุดในนิวซีแลนด์
โรงแรมวินเทจตั้งแต่ปี 1863 มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและตัวอาคารภายนอกสร้างจากไม้ โดยยังความเก๋ามาตั้งแต่สมัยคนจีนบุกนิวซีแลนด์และกลายเป็นผู้ร่วมก่อสร้างโรงแรมนี้ขึ้นมา คาร์โดรนา โฮเทล เริ่มปฐมบทในฐานะหนึ่งในสี่โรงแรมยุคบุกเบิก เป็นที่หยุดพักของรถประจำทาง ชุมนุมนักขุดทอง รวมถึงนักเดินทางท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่โดดเด่นบนถนนคราวน์ เรนจ์ (Crown Range) ช่วงรอยต่อระหว่างเมืองควีนส์ทาวน์ซึ่งห่างไปเพียง 40 นาที และวานากา (Wanaka) ใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาที ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยเฉพาะพื้นที่เล่นสกี 4 แห่งหลักอันได้แก่ Cardrona Alpine Resort โดยเสน่ห์ดึงดูดของโรงแรมคือ สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลง มีฉากหลังเป็นเนินเขาและต้นบ๊วยที่รอผลิดอกสวยงามราวต้นตุลาคม ช่วงเวลาดีๆ ที่อยากชวนให้คุณมาเยือน พร้อมสัมผัสกลิ่นหอมของอดีตกาลที่ยังคงซ่อนเร้น โดยมีคาร์โดรนาโฮเทลเป็นสักขีพยานแห่งการค้นพบ
Website: cardronahotel.co.nz
4. Cardrona Valley วิวแสนตระการตา
หนึ่งในไฮไลต์ที่ไปถึงนิวซีแลนด์แล้วไม่ควรพลาดคือการขับรถชมความอลังการของธรรมชาติไปตามรูทบน Cardrona Valley ถนนที่สูงที่สุดในประเทศ
และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในโลก ท่ามกลางแลนด์สเคปภูเขาน้อยใหญ่ที่ล้อมรอบ จะทำให้คุณได้สัมผัสธรรมชาติในทุกจังหวะของการขับขี่อย่างใกล้ชิด ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Southern Hemisphere Proving Ground ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถสำหรับค่ายรถและยางรถยนต์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาพร้อมเส้นทางวิ่งขึ้นสนามที่เป็นส่วนหนึ่งของรายการแรลลี่อันโด่งดังอย่าง ‘Highlands Race to the Sky’ อีกด้วย
Website: www.newzealand.com/int/feature/cardrona-valley
5. Christchurch เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะใต้
แม่น้ำเอวอน (Avon) ไหลเอื่อยผ่านใจกลางเมืองไครสต์เชิร์ชอย่างนุ่มนวลราวสายลมแผ่ว หากมาเยือนช่วงเมษายนใบไม้เปลี่ยนสีส้มเหลืองเรียงรายตลอดริมแม่น้ำยิ่งเติมความโรแมนติก ทั้งเมืองยังคงสงบงามกระทั่งเกิดอุบัติภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในช่วงปี 2010-2012 น่าเสียดายที่วิหารโบสถ์ไครสต์เชิร์ชต้องทลายลง แต่ใช่ว่าชาวเมืองจะย่อท้อต่อชะตาชีวิต ช่วยกันกอบกู้ความเป็นเมืองน่าเที่ยว นำพาซึ่งการเกิดใหม่ของวัฒนธรรมร่วมสมัยและศิลปะที่จัดวางอยู่ในแกลเลอรีทั่วเมือง ทำให้ไครสต์เชิร์ชไม่เคยตกสำรวจจากโพลใดๆ ไม่ว่าจะเป็น 10 เมืองที่มีผู้เยือนมากที่สุดในปี 2013 และติดอันดับที่ 52 ของสถานที่ต้องไปในปี 2014 ของ นิวยอร์กไทมส์ หนึ่งในสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อันโดดเด่นนั้นคือโบสถ์กระดาษแข็ง ‘Cardboard Cathedral’ ที่เสร็จสิ้นภายในปี 2013 โดยดึงสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ชิเงรุ บัน (Shigeru Ban) มาสร้างสีสันจากการใช้กระเบื้องโมเสกทรงสามเหลี่ยมหลากสีสลักด้วยภาพจากซุ้มโบสถ์ไครสต์เชิร์ชเดิม
Hanami in New Zealand: ช่วงมิถุนายน-สิงหาคม ฤดูใบไม้ผลิของแดนกีวีที่เราอยากชวนคุณมานั่งฮานามิชมเหล่าซากุระที่ออกดอกสะพรั่ง ณ จัตุรัสใจกลางเมือง แหล่งรวมสถานที่ช้อปปิ้ง ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย
Website: www.christchurchnz.com
- Driving Tips: สามารถดูรายละเอียดเรื่องการขับรถเที่ยวและเส้นทางแนะนำเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.newzealand.com/sg/trips-and-driving-itineraries/top-nz-trips
- เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สมาชิกโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ได้มีโอกาสขึ้นไปทดสอบรถยนต์ BMW มากกว่า 10 รุ่น ท่ามกลางพายุหิมะและพื้นน้ำแข็งบนยอดเขา Cardrona Valley กับทริป BMW Alpine xDrive New Zealand ติดตามภาพบรรยากาศได้ที่ www.facebook.com/bmwultimatejoy