×

เบื้องหลังการค้นพบ The Individual ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ ด้วยการทลายทุกกฎเกณฑ์ของสองดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้ง Tube Gallery [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
13.05.2020
  • LOADING...

1999 คือปีที่ชื่อของ Tube แบรนด์เสื้อผ้า Ready to wear (ในตอนนั้น) ได้มีโอกาสเปิดประตูร้านในสยามเซ็นเตอร์ เต้-ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ และ ยุ่ย-พิสิฐ จงนรังสิน ใช้เวลาหลายปีเพื่อค้นหา ‘ตัวตน’ ที่ ‘แตกต่าง’ จนพบว่าเสื้อผ้าของพวกเขาต้องไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่แคร์ไบเบิลแฟชั่น เมื่อเดินเข้ามาต้องรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ใน Exhibition นำมาสู่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Tube Gallery แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำที่เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

 

“ตอนทำเสื้อผ้าแรกๆ มีคนพูดว่า จะใส่ได้จริงเหรอ คือสวยนะแต่ใส่ไม่ได้ หรือ ‘ใครจะใส่’ คำนี้มันเหมือนถูกตราหน้า แต่เราใช้เป็นแรงผลักดัน จะทำอย่างไรให้ตัวตนเรายังอยู่ สวยและอยู่ในกรอบที่คนใส่ได้ ที่สำคัญต้องไม่เหมือนใคร”

 

ยุ่ยพูดเสริมเต้อีกว่า “เราใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตกว่าจะเจอตัวตน ค้นหาว่าทางไหนคือทางของเรา แล้วเราก็ค้นพบว่า ทางของ Tube Gallery คือทางที่ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าถูกหรือผิด เรานิยามมันว่าทุกอย่างคือศิลปะ เราทำผลงานของเราวันนี้ให้เป็นมาสเตอร์พีซ ถึงเราจะไม่อยู่ แต่ผลงานของเราจะยังอยู่ต่อไป ศิลปะจะถูกจดจำแม้พวกเราจะไม่อยู่แล้วก็ได้”  

 

 

 


กว่าจะได้มาซึ่ง ‘ตัวตน’ ในแบบ Tube Gallery ต้องเดินทางผ่านเสียงวิพากษ์ การพิสูจน์ในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ และความเชื่อมั่นในตัวตน จนทำให้ Tube Gallery แบรนด์ที่เป็นต้นแบบของ The Individual สามารถหลอมรวมแฟชั่นและวัฒนธรรมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของการดีไซน์ ทุกคอลเล็กชันมีลายเส้นชัดเจน มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ จนสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ผ่านการรังสรรค์ผลงานแฟชั่นให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาโลก 

ไม่แปลกที่วงการแฟชั่นจะยกให้ทั้งคู่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานรุ่นหลัง หรือแม้แต่การได้รับเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบของแคมเปญ EXPERIENCE THE 7 แคมเปญที่สะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ที่อยู่ในสายเลือดของ BMW โดย BMW Thailand ได้ค้นหาบุคคลที่มีมุมมองการใช้ชีวิตที่สามารถสร้างแนวทางการใช้ชีวิตและแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น 


“มันเป็นเรื่องของความรัก ความชอบ” เต้พาเราย้อนกลับสำรวจเส้นทางการค้นหาตัวตนของ Tube Gallery “ตอนเด็กมีความรักอยู่ 2 อย่าง คือ ละครและแฟชั่น วันนี้ Tube Gallery มีโอกาสทำ 2 อย่างที่ผมรัก คือการออกแบบเสื้อผ้าที่ใช้ในละครทั้งในและต่างประเทศ ความรัก ความชอบ คงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเดินมาจนถึงทุกวันนี้”  

 

“มันคงซึมซับอยู่ในสายเลือด” ยุ่ยเล่าว่าแม่เป็นครูสอนตัดเสื้ออยู่ที่ร้านพรศรี จึงได้เห็นสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก “เราได้ซึมซับคุณค่าในเรื่องศิลปะและการแต่งกาย รู้สึกว่ามันน่าค้นหา ประกอบกับสมัยเรียนทั้งผมและคุณเต้ เรียนด้านศาสตร์ของเธียเตอร์ เหมือนได้ปูพื้นฐานด้านเสื้อผ้ามาระดับหนึ่งครับ”  

 

เต้-ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์

 

 

ความรัก ความชอบ ความหลงใหล สำหรับทั้งคู่ ยังไม่เพียงพอสำหรับการค้นหาแนวทางของตัวเอง “มันคงไม่มีวิธีการใดๆ ในการค้นหาตัวตน มันเป็นเรื่องของเวลาที่ค่อยๆ เพาะบ่ม ‘ตัวตน’ ของเราทั้งคู่ เราใช้เวลากับมันพอสมควร ครูพักลักจำ ก็เหมือนศิลปินยุค 80, 90 ออกผลงานมา 6-7 ชิ้น ก็ยังไม่มีแกนของตัวเองว่าจะเป็นแนวไหน ผมจึงมองว่ามันเป็นเรื่องของเวลา” เต้ อธิบาย

 

“สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของผมคือ ทำในสิ่งที่เรารักและเชื่อมั่นในตัวตนของเราเอง เพราะถ้าเราไปลอกงานคนอื่น สุดท้ายมันก็ไม่มีความเป็นตัวตนของเรา แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่รัก และหาตัวตนเจอเมื่อไร เราจะรู้ว่าจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่น ต้องลองผิดลองถูกกับมัน กาลเวลาทำให้เราได้ทดลองไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นผลงานในวันนี้” ยุ่ย เล่าเสริม

 

“เราต้องทำให้คนเห็นให้ได้ว่า สิ่งนี้คืองานที่เกิดจากการ Creativity ที่แท้จริง นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเรา”


สไตล์ของ Tube Gallery คืออะไร นี่คือสิ่งที่ผมถามตัวเองตลอดตั้งแต่เริ่มทำงานแรกๆ เราฟุ้งซ่านมากในการทำงาน จนทำให้เราหลุดกรอบไปบ้าง คนรอบข้างนี่แหละที่คอยบอกเราว่า ความฟุ้งซ่านอะไรที่มันเวิร์ก อะไรที่มันบ้า กาลเวลาและคนรอบตัวค่อยๆ ปั้น Tube Gallery ขึ้นมา” เต้ยังบอกอีกว่า งานของพวกเขาไม่มีกฎเกณฑ์ ทำให้มีอิสระ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เลยได้ค้นหาสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น  

 

ยุ่ย-พิสิฐ จงนรังสิน

 

“การเรียนในระบบ คุณจะได้วิธีคิด แต่หากคุณจะค้นหาตัวตน มันจะกลายเป็นอีกเวอร์ชัน เราจะไม่เข้าสู่กระบวนการความคิดที่เป็นระบบ เมื่อไม่ติดกับกฎเกณฑ์ เราจึงใส่เต็มที่ไปก่อน ปาให้แรงที่สุด แล้วดูว่ามันเด้งกลับมาถูกทางไหม มันเด้งกลับมาทางไหน เราก็เอาทางนั้น ยิ่งถ้าได้เสียงตอบรับดี ยิ่งตอกย้ำให้เราเชื่อมั่นว่า นี่แหละ Individual ของเรา”

 

“ต้องเชื่อมั่นว่าเราเป็นคนอื่นไม่ได้ เราเป็นได้แค่ตัวเอง”

 

“คุณต้องให้เวลากับตัวเอง เพราะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเรายังรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ การอยากเป็นตัวเองมากก็จะลำบากหน่อย ต้องให้เวลาเพื่อตกตะกอนว่าวันหนึ่งที่เราเริ่มรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เมื่อนั้นความเป็นตัวตนก็จะชัดเจนขึ้น และต้องเชื่อมั่นว่าเราเป็นคนอื่นไม่ได้ เราเป็นได้แค่ตัวเอง” นั่นคือสิ่งที่เต้ยึดมั่นมาตลอดการเดินทางค้นหาตัวตน

ในขณะที่ยุ่ยเชื่อว่า เชื้อเพลิงชั้นดีคือความอดทน “กว่าเราจะหลุดออกมาจากสิ่งที่ถูกล้อมเอาไว้ได้ ต้องอาศัยความอดทนและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นี่แหละคือสิ่งที่คุณทำได้ จงเชื่อมั่นในตัวเองว่าคุณทำได้ แล้วคุณจะทำมันได้จนถึงจุดหมาย 

“เราอยู่ในวงการนี้มานาน มีคนเก่งกว่าเราเยอะมากตั้งแต่เราทำงานมา แต่ที่เราอยู่มาถึงวันนี้ได้ เพราะเรามีความอดทน” 

 

เต้ยังบอกอีกว่า การใช้เวลาค้นหาตัวตนเป็นเรื่องคลาสสิกสำหรับทุกคน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ นึกอยากเป็นตัวเองแล้วจะเป็นได้เลย “มันเป็นการตกตะกอนในเวลาที่เหมาะสม กับสภาวะที่เหมาะสม ถ้าคุณมีโอกาสและมีนัยว่า การเป็นตัวเองจะพาคุณไปได้ไกลก็ลงมือทำ แต่ถ้ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมก็ไม่ต้องบีบคั้น”  

 


“Be yourself, everyone else is already taken”
การเป็นดีไซเนอร์ต้องรู้ว่าเราคือใคร ถ้าเราไม่เป็นใครสักคน เราก็จะไม่ได้เป็นใครสักคน

 


“สิ่งสำคัญคือความเชื่อมั่นและต้องรู้จักข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ข้อดีมันเหนือกว่าข้อด้อย” ยุ่ยกล่าว “ทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง ‘ถึงแฟชั่นจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สไตล์มันไม่เคยเปลี่ยน’ คำนี้สื่อถึงความเป็นตัวตนที่ชัดเจนมาก ต้องเชื่อมั่นว่าเราทำได้ และเราจะทำมันให้ได้

“ทำจนกว่าจะเจอ มันไม่มีทางได้มาง่ายๆ ไม่มีใครขายให้คุณ คุณต้องหาเอาเอง ถ้ามีฝันก็ทำเลย อย่าให้ความฝันมันอยู่แค่ในความคิด ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะวิ่งนำเรา คุณต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหา Individual เพื่อหาจุดยืนในสังคม”

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X