×

ไขข้อข้องใจ มีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ใน BMW M ถึงทำให้รถตระกูล M เป็นรถในตำนานที่นักสะสมทั่วโลกต้องการครอบครอง [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
15.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • BMW M มีดีกว่า High Performance แต่ยังเป็นผู้นำนวัตกรรมในทุกยุคสมัยตั้งแต่ BMW M1 จนถึงปัจจุบัน นั่นเป็นเหตุผลที่แทบทุกรุ่นของตระกูล M ราคาไม่เคยตก และกลายเป็นแรร์ไอเท็มที่นักเลงรถทั่วโลกอยากได้มาครอบครอง
  • M3 E46 ปี 2003 สตาร์ทไม่ติดแต่มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อครอบครองในราคา 3.9 ล้าน ในขณะที่ BMW M1 กลายเป็นรถที่นักสะสมทั่วโลกต้องการ ราคาในตอนนี้น่าจะเกือบ 20 ล้าน หรือแม้แต่ BMW M3 Lightweight (E36) ของ พอล วอล์กเกอร์ ก็เพิ่งถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 12 ล้าน

เคยได้ยินว่ารถยนต์ราคาตกทันทีเมื่อขับออกจากโชว์รูม แต่สำหรับนักสะสมรถต่างรู้ดีว่า เรื่องแบบนี้จะกลายเป็นหนังคนละม้วนกับรถบางรุ่น ที่ยิ่งนาน ราคายิ่งสูง กลายเป็นทำกำไรให้กับเจ้าของ หากมองในมุมของนักลงทุน การลงทุนในรถยนต์หายากก็ทำกำไรได้ดีไม่แพ้การลงทุนประเภทอื่น ในขณะที่นักสะสมรถยนต์นั้นการได้ครอบครองรถยนต์ในตำนานที่ใครก็ต้องการคงไม่ต่างอะไรกับการบรรลุนิพพาน!  

 


ยิ่งเป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยแบรนด์ระดับตำนานอย่าง BMW M ด้วยแล้ว ผู้ครอบครองจะได้ทั้งสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ และผลตอบแทนในการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน 

 



ทำไม BMW M จึงเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

บีมเมอร์ตัวจริงน่าจะพอรู้กิตติศัพท์ความเจ๋งของรถตระกูล M อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น M1, M3, M5 โมเดลยอดนิยม ภายใต้รหัสลับทรงพลังนั้น สตาร์ทจากจุดเริ่มต้นในหน่วยงาน Motorsport ที่ตั้งขึ้นในปี 1972 โดย Jochen Neerpash (ผู้อำนวยการและผู้ช่วยผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน BMW Motorsport GmbH), Wolfgang Seehaus (ผู้ออกแบบตกแต่งภายในของ BMW) และ Manfred Rennen (ผู้ออกแบบภายนอกของ BMW) เพื่อสร้างรถแข่งให้กับทีมแข่งของ BMW หลังจากคว้าถ้วยรางวัลและสร้างตำนานในสนามแข่งมานับไม่ถ้วน แผนก Motorsport ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น M และเปิดตัว BMW M1 รถยนต์รุ่นแรกภายใต้ BMW M ที่สร้างหลักปักฐานให้ตัวอักษร M เป็นที่รู้จักสู่สายตาคนทั้งโลก ในฐานะ ‘เครื่องวางกลาง’ คันแรกที่ BMW ผลิตเพื่อจำหน่าย

 

BMW M1

 

ดีไซน์ของ M1 ถูกออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro นักออกแบบรถที่มีชื่อเสียงผู้ออกแบบรถสปอร์ต Supercars มามากมาย เปิดตัวครั้งแรกในงาน The Paris Motor Show ปี 1978 ด้วยเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร 277 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลิตเพียง 456 คันเท่านั้น ถ้าในยุคนั้นก็ถือเป็นตัวจี๊ดสุดบนท้องถนนที่ค่ายไหนก็เทียบไม่ติด จนถึงวันนี้ BMW M1 ยังเป็นที่ยอมรับในวงการรถสปอร์ตคาร์จนถึงปัจจุบัน กลายเป็นรถที่นักสะสมทั่วโลกต้องการ และเป็นหนึ่งในรถรุ่นที่หายากที่สุดของ BMW M ราคาในตอนนี้น่าจะเกือบ 20 ล้านบาท  

 

 

BMW M1 รุ่น Pro Car

 

จากนั้นไม่นาน BMW M1 รุ่น Pro Car ก็ปรากฏโฉมในฐานะรถแข่งจนได้รับการขนานนามว่าเป็นรถแข่งที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล จะไม่แรงอย่างไรไหว กว่าแต่ละรุ่นจะได้ออกมาอวดโฉมต้องผ่านการทดสอบอย่างยาวนานในสนามสุดหฤโหดอย่าง Nurburgring สนามที่หล่อหลอมและพัฒนาจิตวิญญาณของยนตรกรรม M ทุกคัน นี่ยังไม่รวมถึงดีไซน์ของ Pro Car ที่มีความคลาสสิกมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ต้นแบบมาจาก BMW M1 นำมาปรับแต่งหลายส่วนให้พร้อมลงสนาม ด้วยสไตล์สปอร์ตที่ล้ำสมัยในยุคนั้น และกาลเวลาทำให้มันกลายเป็นความคลาสสิกในทุกยุคสมัย ขนาดศิลปินชื่อดังอย่าง Andy Warhol ก็ยังเคยนำ M1 ไปทำเป็น Art Car 

 

 

BMW M3 E46

 

มีการจัดอันดับรถยนต์ที่น่าลงทุนที่สุดในปี 2020 ซึ่ง 1 ใน 10 รุ่นที่นักสะสมรถจากทั่วโลกหมายปองคือ BMW M3 E46 ยืนยันว่ารุ่นนี้เนื้อหอมจริง เพราะเมื่อต้นเดือนสิงหาคมในงานประมูลรถของกลางกรมศุลกากร BMW M3 E46 ปี 2003 เกียร์ธรรมดา สตาร์ทไม่ติด ระบบน้ำมันมีปัญหา ปั๊มติ๊กพัง แต่กลับถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 3.9 ล้าน สำหรับนักสะสมรถยนต์ตัวจริงและแฟน BMW M ตัวเอ้ การได้ครอบครอง BMW M3 E46 ซึ่งเป็นตัวแรงระดับหัวแถวของตระกูล M3 คงจะฟินไม่น้อย ดีไซน์โหด ดิบ ดุ แบบรุ่นพี่ E30 M3 ถูกบันทึกให้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นเจ้าของสถิติรถสปอร์ตที่มีแรงม้าต่อน้ำหนักตัวสูงที่สุดในปี ค.ศ. 2000 พละกำลัง 343 แรงม้า แรงบิด 269 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดลงเหลือ 5.2 วินาที สามารถเลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา Getrag 6 จังหวะ หรือเกียร์กึ่งอัตโนมัติ SMG II ซึ่งเพิ่มระบบไฮโดรลิกไฟฟ้าเข้ามาจัดการต่อ และตัดกำลังคลัตช์ให้ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ในเวลาสั้นกว่าเกียร์ธรรมดาแบบเดิม ถือเป็นรถยนต์ที่ทันสมัยมากในยุคนั้น ราคาที่แลกมากับประวัติศาสตร์นวัตกรรมยุค 2000 เป็นตัวเลขที่คุ้มค่าแก่การลงทุน 

 

 

BMW M3 E30

 

พูดถึงเจนฯ 3 ก็ต้องเอ่ยถึงตำนานของเจนฯ แรกเช่นกัน BMW M3 E30 4 ล้อแตะพื้นถนนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1985 ก่อนจะยุติสายการผลิตในปี 1991 รถสปอร์ตรุ่นนี้สร้างตำนานในสนามแข่งจนได้รับการยกย่องให้เป็น The Best Handling Cars Ever หรือรถที่มีการควบคุมในขณะขับขี่ที่ดีที่สุดในโลกคันหนึ่ง และถูกยกให้เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมยานยนต์ในช่วงปลายยุค 1980 เรือนร่างแบบสองประตูคูเป้ เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กลายเป็นรถ M สุดคลาสสิกรุ่นขึ้นหิ้งที่นักสะสมตามล่า



เหนือกว่าความทรงพลังคือดีเทลที่ถูกเล่าผ่านงานดีไซน์ของรถยนต์ตระกูล M แฟน M Car พันธุ์แท้จึงมีหลายรุ่นที่อยากได้มาครอบครองเพราะมีคุณค่าที่แฝงไว้ในรายละเอียดที่คาดไม่ถึง ไม่ได้ขับแต่ครอบครองก็ยังดี เช่น BMW M635 CSi E24 หรือ The Shark Nose สุดยอดรถสะสมสุดล้ำค่า ความพิเศษของเครื่องยนต์รหัส M88 ในตำนานถูกนำมาใส่ไว้ใน M635 CSi หรือ BMW 3.0 CSL E9 ด้วยดีไซน์ที่ต่างจากรุ่นอื่นๆ บานประตูผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมล้วน ตัวถังก็ผลิตให้บางเป็นพิเศษเพื่อให้น้ำหนักรถเบาขึ้น ทำความเร็วได้ดีขึ้น จนคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน The European Touring Car ถึง 4 ปีซ้อน เป็นทั้งตำนานในสนามแข่ง และเป็นอีกหนึ่งตำนานของตระกูล M  

 

 

BMW M3 Lightweight (E36)

 

อีกรุ่นที่ต้องพูดถึงคือ BMW M3 Lightweight (E36) ของ พอล วอล์กเกอร์ นักแสดงดังผู้ล่วงลับ รถสปอร์ตระดับตำนานถูกประมูลในงานประมูลรถยนต์ประจำปี Scottsdale Auction ครั้งที่ 49 ที่สหรัฐอเมริกาด้วยตัวเลข 12 ล้านบาท แน่นอนว่าตัวเลขที่สูงขนาดนี้ส่วนหนึ่งเพราะเป็นรถของ พอล วอล์กเกอร์ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ BMW M3 Lightweight (E36) รุ่นนี้ถูกผลิตเพียง 126 คันเท่านั้น วางจำหน่ายครั้งแรกปี 1992 รถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง ที่มีน้ำหนักเพียง 1,338 กิโลกรัม สมกับฉายา Lightweight โดดเด่นด้วยตัวถังสีขาว Alpine White ตกแต่งด้วยสีธงหมากรุกสีฟ้าแดงของ BMW M ไฟหน้าด้านซ้ายและกระโปรงท้ายด้านขวา เครื่องยนต์รหัส S50 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร 240 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เสริมด้วยชายกันชนหน้าและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ว่ากันว่าอะไหล่รุ่นนี้ราคาแรงสมตัว แค่สปอยเลอร์หลังขายกันใน eBay ราคาเหยียบล้านแล้ว

 

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถยนต์ตระกูล M ที่ถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นแรร์ไอเท็ม ถ้าสังเกตให้ดี ตลอดเส้นทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่นจนกลายเป็นตำนาน ‘M’ นั้น นวัตกรรมคือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ตระกูลนี้กลายเป็น Talk of the Town ทุกครั้งที่เปิดตัว จนกลายเป็นตำนานอย่างทุกวันนี้  

 

 

จนถึงวันนี้ BMW M ก็ไม่เคยผ่อนคันเร่งให้กับเรื่องนวัตกรรม เหยียบมิดไมล์ทุกครั้งเพื่อไปถึงเส้นชัยก่อนใคร ดูอย่างปลายปีที่แล้วในงาน BMW #NEXTGen ที่สำนักงานใหญ่ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ก็เผยโฉมรถต้นแบบรุ่นล่าสุดในชื่อ BMW Vision M NEXT ซึ่งเป็นรถสปอร์ตต้นแบบของ BMW M รุ่นแรกที่พึ่งพาพลังงานไฟฟ้า และเป็น BMW M ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นจากพื้นฐานของรถ BMW รุ่นปกติ แต่ยังมีเค้าโครงของ BMW i8 ผสมผสานจากดีไซน์ของ BMW M1 โดยเฉพาะไฟท้ายที่มีตรา BMW และ BMW Turbo ซึ่งเป็นการส่งต่อ DNA ของรถสปอร์ตไฮบริด และใช้สีสันที่เด่นสะดุดตาตามแพตเทิร์นของ BMW M

 

 
ต่อให้ไม่ใช่แฟน M Car ตัวเอ้ ไม่ได้เป็นสาวก BMW ตัวจริง และไม่มีทรัพย์มากพอจะครอบครองรถในตำนานสักคัน ก็ยังอยากสัมผัสรถในตำนานเหล่านั้นสักครั้งในชีวิต และเข้าใจดีเลยว่าทำไม BMW ตระกูล M จึงเป็นรถยนต์ที่นักสะสมทั่วโลกต้องการครอบครอง…มีสักคันไว้ในคอลเล็กชันก็ยังดี

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X