ฤดูเทศกาลฟุตบอลโลกแบบนี้ ปกติแล้วจะเป็นช่วงเวลาดีๆ สำหรับคนรักเกมลูกหนังที่จะได้นั่งจิบเบียร์และเชียร์บอลเพลินๆ ไปด้วยกัน แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องของเครื่องดื่มซาบซ่าสีอำพันนี้อาจมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทยมากกว่าที่คิด
หนึ่งในปมความขัดแย้งที่มีมาเป็นระยะเวลายาวนานและยังไม่ได้รับการคลี่คลายในทางที่ดีคือ เรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือที่เรียกว่ากฎกระทรวง การผลิตสุราที่ถูกจับตามองว่าเป็นการต่อสู้กันทางอำนาจระหว่างฟากฝั่งของแบรนด์ใหญ่ในวงการเบียร์ กับฝ่ายของประชาชนที่มีความต้องการจะผลักดันให้เกิดการยอมรับเกี่ยวกับเรื่องของการผลิตเบียร์ทางเลือก
เรื่องนี้ Bloomberg สื่อต่างประเทศ ได้จับตามองสถานการณ์นี้ ซึ่งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรไทยได้มีการผ่อนปรนกฎกระทรวงว่าด้วยการผลิตสุราที่แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังดีไม่พอหรือไม่พอดีกับความปรารถนาของบรรดาผู้ผลิตสุรารายย่อยและสุราชุมชน ที่ฝันถึงเรื่องของพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ไทยเบฟ’ เปิดศึกชิงเบอร์ 1 ตลาดเบียร์ ส่ง ‘ช้าง อันพาสเจอไรซ์’ ขายในเชียงใหม่-เชียงรายเป็นแห่งแรก เขย่าตลาดเบียร์พรีเมียมครั้งแรกในไทย
- ก้าวไกล รับหนังสือประชาชนเบียร์ ย้ำมติ ครม. แก้กฎกระทรวงอนุมัติผลิตสุราพื้นบ้าน จงใจใช้เป็นข้ออ้างคว่ำสุราก้าวหน้า
- หวั่นต้นทุน-ภาษีทำตลาดสะดุด ‘ไฮเนเก้น’ ค้านรัฐรีดภาษีเบียร์ไร้แอลกอฮอล์เพิ่ม เผยต้นทุนยังพุ่งไม่หยุด อาจเล็งปรับราคาเพิ่มอีกรอบ
โดยกฎกระทรวง พ.ศ. 2565 มีการยกเลิกทุนจดทะเบียนขั้นต่ำและกำลังการผลิตในสุราบางประเภท เช่น ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และกำลังการผลิตขั้นต่ำ 1 แสนลิตรต่อปี แต่กลับมีการเพิ่มเงื่อนไขใหญ่ในเรื่องของเครื่องจักรการผลิตและการประเมิน EIA
ซึ่งถือว่ายังเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับผู้ผลิตสุราและเบียร์รายย่อยที่ไม่สามารถกระโดดลงสนามแข่งขันกับสองบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าตลาดอย่างบุญรอดบริวเวอรี่และไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งครองตลาดมายาวนานถึง 92% ในตลาดที่มีมูลค่าถึง 4.61 แสนล้านบาทเมื่อปี 2020
พ.อ. วิชิต ซ้ายเกล้า ผู้ก่อตั้งชิตบริวเวอรี่ หรือ ‘ชิตเบียร์’ คราฟต์เบียร์ไทยระดับตำนาน ให้ความเห็นในเรื่องนี้กับ Bloomberg ว่า ‘เป็นสัญญาณที่ดี’ เพียงแต่ไม่สามารถทำให้มั่นใจได้ถึงการแข่งขันที่บริสุทธิ์และยุติธรรมในอุตสาหกรรมนี้
ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบน Twitter เกี่ยวกับกฎกระทรวงใหม่ที่กลับยังคงปิดกั้นประชาชนผู้ผลิตรายย่อยอยู่เหมือนเดิม พร้อมให้คำมั่นว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะปลดพันธนาการให้แก่ผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับพรรคก้าวไกลที่ผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า มาโดยตลอด
ตรงนี้เองจึงเป็นสัญญาณที่ Bloomberg จับตามองว่า บางทีเรื่องเครื่องดื่มเย็นๆ นี้อาจกลายเป็นหนึ่งในพลังผลักดันอันเร่าร้อนที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตของประเทศไทยได้ในอนาคต อาจเขย่าบัลลังก์ของทุนใหญ่ที่ผูกขาดตลาดมายาวนานอย่างจริงจัง ซึ่งการปลดล็อกตรงนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยได้เลยทีเดียว
อ้างอิง: