Bloomberg รายงานดัชนี Bloomberg Billionaires Index ซึ่งจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 500 คน ปรากฏว่า เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าพ่อ Amazon ยังครองอันดับหนึ่งด้วยสินทรัพย์กว่า 1.32 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง Microsoft ที่มีสินทรัพย์ 9.58 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อหุ้นระดับตำนาน มีทรัพย์สิน 8.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้บริหารอาณาจักร LVMH มีสินทรัพย์มูลค่า 7.67 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แห่ง Facebook ที่มีสินทรัพย์ 6.53 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่น่าสนใจคือ Bloomberg ตั้งข้อสังเกตเรื่องอาณาจักรธุรกิจภายใต้การครอบครองของมหาเศรษฐีรุ่นเก๋า ซึ่ง 20% จากดัชนีข้างต้นเป็นคนวัย 80 ปีขึ้นไป และถ้าพิจารณาเฉพาะ 8 นักธุรกิจสูงวัยชาวเอเชียพบว่ามีสินทรัพย์ขนาดใหญ่รวมกันสูงถึง 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โรเบิร์ต ก๊วก (มาเลเซีย) อายุ 96 ปี มีสินทรัพย์ 1.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, มาซาโตชิ อิโตะ (ญี่ปุ่น) อายุ 95 ปี มีทรัพย์สิน 4.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ, โก๊ะเฉิงเหลียง (สิงคโปร์) อายุ 92 ปี มีทรัพย์สิน 7.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ, ลีกาชิง (ฮ่องกง) อายุ 91 ปี มีทรัพย์สิน 3.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, ลีเชากี (ฮ่องกง) อายุ 91 ปี มีทรัพย์สิน 2.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, พาลอนจิ มิสตรี (อินเดีย) อายุ 90 ปี มีทรัพย์สิน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, หลิวชีหวู (ฮ่องกง) อายุ 90 ปี มีทรัพย์สิน 1.42 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และวีโชวเยา (สิงคโปร์) อายุ 90 ปี มีทรัพย์สิน 8.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินต่างเห็นพ้องกันว่าธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่งจะยังเติบโตอย่างร้อนแรงในภูมิภาคนี้
เมื่อมหาเศรษฐีจากโลกนี้ไปหรือหันหลังให้กับโลกธุรกิจ จะมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้นคือแบ่งมรดกให้กับทุกคนในสัดส่วนที่ลงตัว ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่อีกทางเลือกคือความขัดแย้งกันเองในครอบครัว ตัวอย่างที่ดีคือลีกาชิง เมื่อเกษียณตัวเองจาก CK Hutchison Holdings และ CK Asset Holdings โดยส่งไม้ต่อให้ลูกชายบริหารธุรกิจต่อ ซึ่งบรรดาลูกหลานต่างก็ติดอันดับมหาเศรษฐีระดับโลกทันที เช่นเดียวกับหลานสาววัย 23 ปี มิเชลล์ ลี ที่เป็นบอร์ดบริหารของ Chesterfield Realty Inc ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CK Hutchison Holdings และขึ้นแท่นเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลไปโดยปริยาย ขณะที่เจ้าพ่อคาสิโนอย่าง สแตนลีย์ โฮ วัย 97 ปี ต้องเผชิญกับการแก่งแย่งชิงมรดกของลูกหลานที่ยังไม่ลงตัวจนถึงบัดนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: