ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นจีนทั้งในส่วนของดัชนี Hang Seng ฮ่องกง และดัชนีอ้างอิงอย่าง China A50 ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มดีดกลับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โดยดัชนี Hang Seng ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดมาแล้ว 20% ส่วนดัชนี China A50 ฟื้นตัวกลับขึ้นมาราว 8%
ในมุมของ BlackRock บริษัทบริหารจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มองว่าหุ้นฮ่องกงในเวลานี้มีความน่าสนใจอย่างมากหลังจากการปรับตัวลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ โดยมีสัญญาณจากการที่รัฐบาลจีนออกมาบอกว่าต้องการสร้างเสถียรภาพให้ตลาดหุ้น
BlackRock ระบุว่า หุ้นที่เทรดในตลาดฮ่องกงส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหุ้นจีน ซึ่งในภาวะวิกฤตพื้นฐานของหุ้นบางตัวสามารถลดต่ำลงไปถึงระดับที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ BlackRock ยังมีแผนที่จะเปิดธุรกิจกองทุนรวมเต็มรูปแบบในจีน พร้อมกับมีแผนที่จะเปิดกองทุนใหม่เป็นกองที่ 2 แม้จะเพิ่งเปิดกองแรกไปเมื่อ 2 เดือนก่อน และผลตอบแทนยังติดลบอยู่ 6.5%
ทางด้าน Alibaba Group Holding ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นจีนที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทประกาศที่จะเพิ่มวงเงินในการซื้อหุ้นขึ้นเป็น 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยโครงการซื้อหุ้นคืนจะดำเนินไปจนถึงเดือนมีนาคม 2024
Alibaba ระบุว่า บริษัทได้ซื้อคืนหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ไปแล้วประมาณ 9.2 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 18 มีนาคม 2022 ภายใต้โครงการซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่าสิ้นสุดในสิ้นปีนี้
ขณะที่ Toby Xu รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Alibaba กล่าวว่า การเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็นการตอกย้ำความมั่นใจของเราเกี่ยวกับศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว และการสร้างมูลค่าราคาหุ้นของ Alibaba ไม่ได้สะท้อนถึงมูลค่าของบริษัทอย่างเป็นธรรม เนื่องจากบริษัทยังมีความแข็งแกร่งทางการเงินและแผนการขยายธุรกิจเพิ่มเติม
ด้าน รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองว่า ที่ผ่านมาหุ้นจีนเผชิญกับ ‘วิกฤตความเชื่อมั่น’ ไม่ใช่วิกฤตด้านปัจจัยพื้นฐาน เมื่อเราจับจุดในส่วนนี้ได้ก็ต้องมาพิจารณาว่าความเชื่อมั่นกลับมาแล้วหรือยัง
“คีย์เมสเสจที่สำคัญคือการที่ตัวแทนจากรัฐบาลจีนออกมาส่งสัญญาณว่าต้องการสร้างเสถียรภาพให้ตลาดหุ้นและต้อนรับนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามาต่อเนื่อง จริงๆ แล้วไม่ได้รุนแรงขึ้นไปกว่าเมื่อปีก่อน ก่อนหน้านี้เราเคยประเมินกันไว้ว่าหากมีปัจจัยบวกเข้ามาเพียงเล็กน้อย หุ้นจีนมีโอกาสจะดีดกลับได้แรง แต่ก็ไม่คิดว่าปัจจัยบวกจะเข้ามาเร็วขนาดนี้”
ทั้งนี้การฟื้นตัวของหุ้นจีนมีสัญญาณบวกมาก่อนหน้านี้ใน 2 ประเด็น คือ 1. การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ล่าสุดที่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของ Common Prosperity สะท้อนว่าการจัดระเบียบอาจจะลดลง และ 2. การที่ ก.ล.ต. จีนส่งสัญญาณในทางบวก โดยอนุญาตให้บริษัทจีนไปจดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้ หากสามารถดำเนินการได้ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้
“หากมองไปที่ Valuation ทุกคนน่าจะเห็นเป็นภาพเดียวกันว่าหุ้นจีนถูกมาก อย่างหุ้น Alibaba เคยร่วงลงเทรดที่ P/E 9-10 เท่า หากความเชื่อมั่นกลับมาก็มีโอกาสที่หุ้นจีนจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การดีดกลับอาจไม่ได้เป็น V-Shape เพราะนักลงทุนบางส่วนอาจจะยังไม่มั่นใจ ทำให้หุ้นจีนมีโอกาส Sideway อีกสักระยะ”
อ้างอิง:
