BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนชื่อดังในนิวยอร์ก ที่มีทรัพย์สินอยู่ในการดูแลกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกมาระบุว่า จีนไม่ควรถูกมองว่าเป็นตลาดเศรษฐกิจกำลังพัฒนา หรือ Emerging Market อีกต่อไป พร้อมแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์จีนได้ถึง 3 เท่าจากปัจจุบัน
“การลงทุนในสินทรัพย์จีนยังมีสัดส่วนที่น้อยในพอร์ตลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกเมื่อเทียบกับตลาดขนาดใหญ่อื่นๆ ทั้งๆ ที่ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นของจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์จีนควรจะมากกว่านี้” เหว่ยลี่ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ BlackRock Investment Institute (BII) กล่าว
โดย BII แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรจีนเล็กน้อย ขณะที่การลงทุนในหุ้นจีนอาจเพิ่มขึ้นได้ 2-3 เท่า
คำแนะนำของ BII เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนอยู่ในระดับสูง บริษัทจีนที่จดทะเบียนในนิวยอร์กถูกทางกลางจีนและสหรัฐฯ คัดค้าน ขณะที่ดัชนี CSI 300 ของจีนก็ปรับตัวลดลง 4% ในปีนี้
“อิทธิพลของสองประเทศมหาอำนาจกำลังเคลื่อนออกจากกัน ในระยะสั้นมันอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาด แต่ระยะยาวถ้าคุณอยากได้จีนคุณต้องไปจีน” ลี่กล่าว
ในรายงานเศรษฐกิจ Mid-Year Outlook ของ BII ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม ได้ระบุไว้เช่นกันว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่จีนควรได้รับการปฏิบัติในฐานะจุดหมายการลงทุนที่แยกออกมาจากกลุ่ม Emerging และ Developed Market เศรษฐกิจจีนผ่านวิกฤตโควิดมาได้อย่างแข็งแกร่งกว่าชาติอื่นๆ ในโลก เช่นเดียวกับที่จีนเคยผ่านวิกฤตการเงินโลกมาแล้ว”
คำแนะนำของ BlackRock ยังเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทจัดการลงทุนขนาดใหญ่หลายแห่งกำลังมองหาโอกาสสร้างธุรกิจในจีน ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลจีนได้อนุมัติใบอนุญาตสำหรับดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในประเทศจีนให้แก่ BlackRock ทำให้ BlackRock กลายเป็นบริษัทจัดการการลงทุนข้ามชาติจากต่างประเทศรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในประเทศจีน นับตั้งแต่รัฐบาลจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดในการเป็นเจ้าของกองทุนและหลักทรัพย์ภายในประเทศของบริษัทต่างชาติเมื่อเดือนเมษายน 2563
อ้างอิง: