เปิดเหตุผล YG จัดทัวร์ ‘BLACKPINK’ มาเอเชียช้ากว่าประเทศอื่น รวมถึงไทย และพิษเงินเฟ้อเป็นเหตุทำราคาบัตรแพงขึ้นเป็นเท่าตัวหรือไม่? โดยประธานเอเชียแปซิฟิก Live Nation เผยว่า กว่าจะนำคอนเสิร์ตใหญ่กลับมาแสดงในเอเชียได้ใช้เวลานาน และเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตให้กับตลาดทั้งภูมิภาคในปี 2023
BBC รายงานว่า หลังโควิดคลี่คลายลง หลายๆ ประเทศประกาศผ่อนคลายมาตรการ ทำให้ BLACKPINK วงเกิร์ลกรุ๊ป K-Pop ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีสมาชิกประกอบด้วย จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และลิซ่า ได้ประกาศเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมปี 2022 ยิงยาวถึงปี 2023
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไขคำตอบ ทำไม ‘บัตรคอนเสิร์ต’ ถึงราคาพุ่งสูงปรี๊ด! ต้นตอมาจากเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่?
- BLACKPINK IS THE REVOLUTION ภาพคอนเสิร์ต Born Pink World Tour Bangkok ของเกิร์ลกรุ๊ปเบอร์หนึ่งแห่งยุค
- ส่องรายได้ผู้จัดงานคอนเสิร์ตศิลปิน K-Pop ในไทย ‘ขาดทุน’ (เกือบ) ทุกราย
Jeung Chi Young ผู้จัดการบริษัท YG Entertainment กล่าวว่า การวางแผนจัดทัวร์ของ BLACKPINK ประเดิมทัวร์ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ตามด้วย สหราชอาณาจักร ยุโรป อเมริกา และเอเชีย
“เหตุผลที่ประเทศในเอเชียจึงถูกจัดให้อยู่ในทัวร์สุดท้าย เพราะการผ่อนคลายกฎระเบียบโควิดช้าสุด”
ขณะเดียวกันยังให้ความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย แม้โควิดจะคลี่คลายแต่ยังไม่หมดไป ทำให้การออกทัวร์คอนเสิร์ตยังมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทั้งหมด ต้องตรวจหาเชื้อโควิดทุกครั้งเมื่องานแสดงในแต่ละประเทศจบลง เพราะหากมีศิลปินหรือทีมงานคนใดคนหนึ่งติดเชื้อโควิดอาจส่งผลกระทบต่อการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างมาก
โรเจอร์ ฟิลด์ ประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก Live Nation ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์รายใหญ่ที่ดูแลการทัวร์คอนเสิร์ตและจำหน่ายตั๋ว ระบุว่า การนำทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่กลับมาแสดงในเอเชียได้ ค่อนข้างใช้เวลานานกว่าประเทศอื่นๆ แต่เมื่อทุกอย่างผ่อนคลายลงแล้ว กลับพบว่าแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศกลับมารับชมคอนเสิร์ตมากขึ้น คาดการณ์ว่าจะสร้างการเติบโตให้กับตลาดทั้งภูมิภาคได้ในปี 2023
ขณะที่ประเทศไทย หลังจาก Live Nation Tero ได้ประกาศคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] BANGKOK ENCORE ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2566 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นการจัดรอบ 2 ในไทย หลังจากก่อนหน้านี้ BLACKPINK เพิ่งมาจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ในไทยเมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2566 ที่สนามศุภชลาศัย
โดยล่าสุดได้เปิดผังที่นั่ง และราคาบัตรคอนเสิร์ตอยู่ที่ 14,800 / 9,800 / 7,800 / 6,800 / 5,800 / 4,800 / 3,800 และ 2,800 บาท ซึ่งจะจำหน่ายในวันที่ 4 มีนาคม 2566 เรียกได้ว่าได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนคลับผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างหนัก โดยส่วนใหญ่บอกว่า ตั๋วมีราคาค่อนข้างสูงและไม่สอดคล้องกับค่าแรงขั้นต่ำในไทย
ด้านผู้จัดงานคอนเสิร์ตรายใหญ่ในไทยกล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ก่อนหน้านี้ว่า หลังโควิดคลี่คลายลง ผู้จัดเริ่มจัดงานคอนเสิร์ต งานเฟสติวัล ทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศอัดแน่นมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าบัตรคอนเสิร์ตมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะการนำศิลปินต่างประเทศที่เป็นแถวหน้าของวงการ มีต้นทุนค่อนข้างสูง รวมถึงตัวแปรอื่นๆ ทั้งราคาน้ำมันและเงินเฟ้อ ส่งผลให้ค่าจ้างศิลปิน ค่าลิขสิทธิ์เพลง สถานที่จัดงาน และระบบที่เกี่ยวกับโชว์ต่างๆ เพิ่มขึ้น
สอดรับกับ Last Week Tonight ได้ออกมาเผยว่า ราคาเฉลี่ยของคอนเสิร์ตที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างมาก และตามรายงานของ Live Nation Entertainment ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีราคาตั๋วเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2019
ภาพ: Kevin Mazur / Getty Images for MTV / Paramount Global
อ้างอิง: