วันนี้ (19 ตุลาคม) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) พล.ต.ท. โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีผู้บริหาร กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่านระบบทางไกล
พล.ต.ท. โสภณกล่าวว่า ขณะนี้ กทม. เตรียมพร้อมรับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล รวมทั้งเตรียมพร้อมการเปิด กทม. ตามแนวทาง Bangkok Sandbox ซึ่งจะได้รายงานผลให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดได้รับทราบในวันพรุ่งนี้ และหากได้รับการเห็นชอบจะถือเป็นแนวทางปฏิบัติของ กทม. ต่อไป
ในที่ประชุม คณะทำงานด้านต่างๆ ได้รายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะทำงานด้านการควบคุมการแพร่ระบาด โดยสำนักอนามัย รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ในวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 1,037 คน โดยเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาใน กทม. จำนวน 812 คน และผู้ที่มีภูมิลำเนาต่างจังหวัดและเข้ามารักษาที่ กทม. จำนวน 225 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 10 คน ภาพรวมการให้บริการวัคซีนโควิด ข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เวลา 22.00 น. มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 8,132,826 คน คิดเป็นร้อยละ 105.63 วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 5,437,553 คน คิดเป็นร้อยละ 70.63 และคาดว่าจะให้บริการเข็ม 2 ครบร้อยละ 80 ในวันที่ 30 ตุลาคม 2564
ผลการติดตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. และข้อสั่งการของ ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. เจ้าหน้าที่สำนักอนามัยและสำนักงานเขตพื้นที่ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานประกอบการตั้งแต่วันที่ 14-15 ตุลาคม 2564 จากจำนวนสถานประกอบการ 247 แห่ง พบว่ามีการปฏิบัติถูกต้องตามแนวทาง COVID-FREE Setting จำนวน 244 แห่ง ปฏิบัติไม่ครบถ้วนจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ปล่อยปละละเลยให้มีผู้ใช้บริการจำนวนมากและแออัด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนด้วยวาจาและให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ และจะตรวจติดตามซ้ำ หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามปิดสถานประกอบการนั้นๆ ตามแนวทางที่กำหนด รวมทั้งจากนี้จะได้ลงพื้นที่ติดตามในสถานประกอบประเภทอื่นๆ ที่ได้มีประกาศผ่อนปรนให้เปิดบริการเพิ่มเติมต่อไป
“ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจจำนวนผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด เพื่อขอจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ประกอบด้วย สำนักการจราจรและขนส่ง สำรวจกลุ่มรถแท็กซี่และรถสามล้อ และสำนักเทศกิจและสำนักงานเขต สำรวจกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้บริการและกลุ่มนักท่องเที่ยว และเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเปิดประเทศในอนาคต” พล.ต.ท. โสภณกล่าว