วันนี้ (26 เมษายน) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหาคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจตุจักร หมายเลข 4 เดินหน้าแนะนำตัวหาเสียงกับพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดบางเขนและพื้นที่ใกล้เคียง
โดยวิโรจน์แสดงความมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ในเขตจตุจักรรู้จักอภิวัฒน์ในฐานะคนทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด อภิวัฒน์ทำงานอย่างหนัก ช่วยเหลือคนจตุจักรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนี่จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ก. เขตนี้จะสามารถคว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ได้
นอกจากนี้วิโรจน์ยังระบุว่า เขตจตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอีกเขต เนื่องจากมีคนหลากหลายอาชีพ ประชากรมีรายได้หลายระดับ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและอุดหนุนสวัสดิการคนเมือง พร้อมให้ความเห็นเพิ่มเกี่ยวกับเขตจตุจักรว่า ตนกังวลเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุขและการจัดการขยะในพื้นที่เขต เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา คนจตุจักรจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุข ทำให้ตนต้องออกนโยบายด้านสาธารณสุขขึ้นมาปิดช่องโหว่ปัญหานี้ ซึ่งก็คือนโยบาย ‘วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน’ ที่เน้นการให้บริการฟรี รวมถึงวัคซีนปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และพร้อมเปลี่ยนศูนย์สาธารณสุข กทม. เป็นศูนย์ฟรีวัคซีน
ส่วนปัญหาเรื่องการเก็บขยะของพื้นที่ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง เพราะเขตจตุจักรมีตลาดสดจำนวนมาก การจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ซึ่งที่ผ่านมาตนพูดถึงแนวทางการเก็บขยะที่เหลื่อมล้ำ สองมาตรฐาน ระหว่างประชาชนและทุนใหญ่ ทุนห้างสรรพสินค้าเสมอ เนื่องจากรถขยะของ กทม. เก็บขยะห้างวันละ 2 ครั้งทุกวันไม่หยุด แต่กลับเก็บขยะหน้าบ้านประชาชนอย่างล่าช้า ซึ่งตนเห็นว่า กทม. ต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่าการรับใช้นายทุนห้างสรรพสินค้า
ต่อเนื่องจากพื้นที่เขตจตุจักร วิโรจน์ได้เดินทางไปยังชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยการนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่ จากนั้นเดินพบปะประชาชนร่วมกับ ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ หมายเลข 3 เดินหาเสียงพร้อมสื่อสารนโยบายสวัสดิการคนเมือง ที่จะช่วยเติมเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุเพิ่มอีกคนละ 400 บาท เป็น 1,000 บาท โดยใช้งบกลางของ กทม. รวมถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดิน
วิโรจน์ย้ำว่า นโยบายสวัสดิการคนเมืองที่จะอุดหนุนผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ เป็นนโยบายที่ทำได้ทันทีใน 100 วันแรกของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่ต้องรอ ยิ่งเดินเข้าชุมชนก็ยิ่งได้เห็นภาพเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งต้องเร่งกระจายสวัสดิการให้กับคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้มีเจ้าของร้านโชห่วยหลายรายในชุมชนเดินเข้ามาพูดคุยและแสดงความเห็นว่าต้องการให้ผู้ว่าฯ กทม. ช่วยฟื้นเศรษฐกิจและช่วยเรื่องความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
ด้านวิโรจน์เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้ายตนจะเน้นสื่อสารนโยบายที่ทำได้จริงเป็นหมัดเด็ด ทำให้ประชาชนหันมาเลือกตนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะแนวทางการชูรัฐสวัสดิการ และนโยบายงบประมาณที่คนกรุงเทพฯ เลือกเองได้ ซึ่งนโยบายหลักเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาปัญหาและภาระด้านการเงินของคนกรุงเทพฯ และสามารถคืนความเป็นธรรมให้ผู้คน ไปพร้อมๆ กับการสร้างเมืองที่ทุกคนเท่ากันได้
ด้านผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายว่า ประชาชนมักไม่มีความเชื่อมั่นกับการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. เพราะเชื่อว่าไม่สามารถทำนโยบายที่ตามที่พูดได้ ซึ่งทางวิโรจน์ให้ความเห็นแย้งว่า สาเหตุจริงๆ แล้วมาจากการที่ผู้ว่าฯ กทม. คนที่ผ่านๆ มา มักเกรงใจผู้รับเหมา นายทุน ทำให้ไม่มีการตัดสินใจเพื่อประชาชน เน้นตัดสินใจอยู่บนฐานของผลประโยชน์กลุ่มทุนและความสัมพันธ์ที่ไม่มีการยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนเชื่อว่า หากตนได้มีโอกาสเป็นผู้ว่าฯ กทม. นอกจากจะพร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพฯ ตามสโลแกนที่ว่าไว้แล้ว ยังจะเน้นการทำงานเชิงรุก เน้นผลประโยชน์เพื่อประชาชนให้มากที่สุด