วันนี้ (4 เมษายน) กลุ่มใส่ใจจัดงานเปิกตัว ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ จิ๊บ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 16 พร้อมประกาศชูนโยบาย ‘กรุงเทพฯ เมืองปลอดภัย’ ครอบคลุมชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ คุณภาพชีวิต และสร้างอนาคตด้วยการศึกษา เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดภัยสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
สำหรับนโยบายเมืองปลอดภัยอยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘กรุงเทพฯ ต้องปลอดภัยสำหรับทุกคน’ โดยกำหนดแบบแผนการทำงานออกเป็น 3 ระยะ สั้น กลาง ยาว และให้ความสำคัญกับเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ LGBTQ และผู้ด้อยโอกาส
ศศิกานต์กล่าวว่า สาเหตุที่ให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้ เนื่องจากว่าในความเป็นจริงแล้วคนกลุ่มนี้มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรใน กทม. แต่กลับไม่ได้รับการใส่ใจในคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ เท่าที่ควร และในวันนี้เสียงของพวกเขาเหล่านี้จะดังขึ้นและได้รับการใส่ใจจาก กทม. มากขึ้น
ขณะที่นโยบายของกลุ่มใส่ใจแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ
- ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสุขภาพ
- ความปลอดภัยในด้านคุณภาพชีวิตของผู้คน
- การขยายอนาคตทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชน
เมื่อแตกนโยบาย 3 ด้านนี้ออกมาแล้ว มีหลายอย่างที่สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องรอ เช่น
- นโยบายด้านความปลอดภัยในชีวิต สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสำหรับกล้องวงจรปิดทั้งหมดใน กทม. และตรวจสอบว่ากล้องทุกตัวในทุกพื้นที่สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
- จัดตั้งคอลเซ็นเตอร์ ศูนย์แจ้งเหตุข่มขู่ทำร้ายร่างกาย 24 ชั่วโมง ที่ใช้งานได้จริง
- จัดตั้งอาสาระวังภัยชุมชน แก้ระบบไฟและทางเท้าในพื้นที่เสี่ยง
- การจัดตั้งทีมแพทย์อาสา ตั้งทีมแพทย์ชุมชน ลดปัญหาด้านสุขภาพ
- ส่งเสริมการสร้างเมืองดิจิทัล เมืองเทคโนโลยี เมืองท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศชาติ
- นโยบายด้านสุขภาพ
- ตรวจสุขภาพชุมชนโดย 11 โรงพยาบาล 55 อนามัย โดยมุ่งไปที่อาการหลังโควิด
- การดูแลผู้สูงอายุในชุมชน
- ลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ด้วยการจัดโซนนิ่งของรถที่ก่อให้เกิดฝุ่น และเพิ่มรถขนส่งที่เป็น EV เพื่อช่วยลดมลภาวะเป็นพิษในอากาศ อันจะก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางระบบหายใจต่างๆ
- ศูนย์ให้คำปรึกษาออนไลน์เรื่องสุขภาพ โดยเชื่อมกับแอปต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงง่าย
- นโยบายด้านการสร้างอนาคตด้วยการศึกษา
- การเพิ่มเครื่องมือการสอนเพื่อทักษะอนาคตอย่าง เช่น โค้ดดิ้ง และบล็อกเชน สนับสนุนอุปกรณ์และการเข้าถึงการเรียนออนไลน์ และเด็กทุกคนจะสามารถสื่อสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา เพื่อความก้าวหน้าในอนาคต
- สนับสนุนความเป็นผู้ประกอบการด้วยหลักสูตร เช่น การบริหารเงิน และค้าขายออนไลน์
ศศิกานต์กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ทางกลุ่มใส่ใจจะค่อยๆ เปิดนโยบายด้านอื่นๆ ออกมาอีกในทุกๆ สัปดาห์
“เราต้องไม่ปล่อยให้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นความเคยชิน เราจะไม่ทนกับความไม่ปลอดภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว คนกรุงเทพฯ จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป เราจะต้องไม่เคยชินกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของเราหรือคนที่เรารัก และในวันนี้เสียงที่ไม่เคยดังจะดังขึ้น จิ๊บจะแก้ด้วยความเป็นมืออาชีพ ปกป้อง ใส่ใจ และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในชุมชน สังคม และประเทศไทยของเรา”
ศศิกานต์กล่าวอีกว่า แม้จะเป็นหน้าใหม่ในแวดวงการเมือง แต่เราได้ปักธงความคิดที่จะเป็นที่พึ่งของชาวกรุงเทพมหานคร การที่เราไม่มีสีทางการเมือง ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคใด ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมผสานความสามัคคีกับการทำงานแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครศูนย์กลางความเจริญครอบคลุมในทุกด้าน มั่นใจว่าศักยภาพเรามากพอที่จะร่วมแรงร่วมใจกับทีมงานในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง หากได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานตรงนี้ จะขออาสาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้พี่น้องและภาคส่วนต่างๆ ต้องผิดหวังแน่นอน
ขณะที่บรรยากาศการเปิดตัวในวันนี้ มีวินท์ สุธีรชัย หัวหน้ากลุ่มใส่ใจ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล อดีตผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยยูไนเต็ด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวด้วย ไฮไลต์ส่วนหนึ่งในงานวันนี้ ศศิกานต์ได้เปิดตัว มาร์ค ไอน์สไตน์ ซึ่งเธอระบุว่าเป็นเชื้อสายทายาทไอน์สไตน์ ที่เดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อมาร่วมให้กำลังเธอในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมา 20 ปี พร้อมระบุว่าได้เห็นปัญหาร่วมกันมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เรื่องเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม LGBTQ ซึ่งถือเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของ กทม. แต่กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่มีใครที่จะมาเป็นผู้แทน เป็นปากเป็นเสียง และช่วยแก้ปัญหาให้กับพวกเขาอย่างแท้จริง