วันนี้ (15 พฤษภาคม) ที่สยามพารากอน THE STANDARD จัดงาน THE CANDIDATE BATTLE พลิกโฉมดีเบต ศึกดวลความคิด พิชิตโหวต ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยมีแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ร่วมประชันวิสัยทัศน์ และตอบคำถามจาก 16 ตัวแทนคน กทม. ซึ่งเป็นเจ้าของปัญหาแบบสดๆ และไฮไลต์สำคัญคือการ BATTLE ตอบคำถามระหว่างผู้สมัคร
สำหรับ ROUND 1: 3 MINUTES PITCHING รอบโชว์วิสัยทัศน์ของผู้สมัครด้วยเวลาจำกัด 3 นาที สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 เริ่มต้นการนำเสนอด้วยการเปิดคลิปวิดีโอ โดยระบุว่า สกลธี เบอร์ 3 จะเป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่แก้กฎหมายล้าหลังเพื่อทุกคน และพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงการทำงานของ กทม. ให้มีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมขอโอกาสให้เขาได้เข้าไปแก้ปัญหาแทนทุกคน
จากนั้นเขาเริ่มพูดบนเวที โดยบอกว่าตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ แล้วก็ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีโอกาสได้ทำด้วยข้อจำกัดของการเป็นรองผู้ว่าฯ
สกลธีกล่าวต่อไปว่า เขารู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากคนกรุงเทพฯ ทุกคน ว่าทำไมกรุงเทพฯ จะดีกว่านี้ไม่ได้ ทั้งเรื่องสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม จราจร ขยะ เขาจึงนำประสบการณ์ตลอดสี่ปีที่เห็นมาทำเป็นนโยบายของเขาทุกด้านที่รองรับคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิดยันแก่ แต่ก็ย้ำว่าหลายสิ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดงบประมาณ โดยผู้สมัครหลายคนมีสิ่งที่อยากทำเยอะ แต่ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน
จากนั้น สกลธียกตัวอย่างประสบการณ์สองเรื่องในการหาเงินให้ กทม. เพื่อทำนโยบาย เรื่องแรกคือการเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน เนื่องจากเงิน 5-7 พันล้านที่เสียไปประสิทธิภาพไม่ดี จึงให้เอกชนทำ และเงินปีละ 5 พันล้านจะกลับมา และเรื่องที่สองคือภาษีโรงแรม หรือ City Tax ซึ่งกรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว เก็บแค่ห้องละร้อยบาท สองอย่างนี้ในยุคของผู้ว่าฯ สกลธีจะทำให้มีเงินเพิ่มอีกปีละ 8 พันล้าน หรือ 4 ปีรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาทมาทำหลายๆ เรื่อง
สกลธียังย้ำถึงประเด็นความเป็นอิสระของผู้ว่าฯ กทม. ว่าเป็นสิ่งสำคัญ ตนไม่ได้อยู่พรรคการเมือง ทีมงานทุกคนคัดจากความรู้ความสามารถ ไม่ต้องกังวลว่าตนจะตอบแทนใคร สิ่งที่ตนจะตอบแทนมีสิ่งเดียวคือคนกรุงเทพฯ
“หลายคนถามว่า ส.ก. จำเป็นหรือเปล่า ผมกล้ายืนยันครับว่าถ้าเราเสนอสิ่งที่ดี ผู้ว่าฯ ที่ชื่อสกลธี มันจะไม่มี ส.ก. หน้าไหนท่ีจะกล้ามาขวางสิ่งที่ดีให้กับคนกรุงเทพฯ” เขาระบุ และปิดท้ายว่าในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ให้โอกาสสกลธี เบอร์ 3 และให้โอกาสกรุงเทพฯ ได้เปลี่ยนแปลง และอยากให้ทุกคนก้าวมาด้วยกัน และทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้กับตน