วันนี้ (5 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 เดินทางลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่เขตวัฒนาและปทุมวัน ภายในชุมชนมาชิม เฉลิมอนุสรณ์ และรื่นฤดี โดยชุมชนดังกล่าวอยู่ใต้ทางด่วน ใจกลางเมือง มีคลองแสนแสบตัดผ่าน โดยวันนี้ทีมเพื่อนชัชชาตินำรถ EV มาใช้หาเสียงตามแนวคิดรักษ์เมืองที่ชัชชาติเคยเปิดตัวไว้ รวมถึงตรวจดูโครงสร้างสาธารณะต่างๆ รอบชุมชน
ชัชชาติกล่าวว่า ชุมชนที่มาลงพื้นที่ในวันนี้เป็นตัวอย่างของชุมชนที่มีปัญหา อยู่ใกล้ใจกลางเมืองแต่มองไม่เห็น เป็นชุมชนแออัดรวมแล้วกว่า 900 หลังคาเรือน มีประชาชนอาศัยอยู่มากกว่า 100,000 คน และมีชุมชนแบบนี้กระจายอยู่ทั่ว กทม. มองว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนสำคัญที่ขับเคลื่อนเมือง เช่น แม่บ้านตามห้างสรรพสินค้า พนักงานในร้านค้าต่างๆ จากการลงพื้นที่เห็นได้ชัดว่าปัญหาอันดับหนึ่งคือเรื่องเศรษฐกิจ มีคนตกงานจำนวนมาก แม้แต่ประธานชุมชนต้องเปลี่ยนอาชีพมาขายลอตเตอรี่แทน ซึ่งตนตั้งคำถามว่า กทม. สามารถช่วยเหลืออย่างไรได้บ้างในแง่ของการสร้างงาน มองว่า กทม. เปรียบเสมือนโซ่คล้องตรงกลางระหว่างโอกาสและประชาชน เป็นตัวเชื่อมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ชัชชาติกล่าวอีกว่า เห็นเด็กเล็กหลายคนวิ่งเล่นริมทางรถไฟ ซึ่งมองว่าไม่มีสุขลักษณะที่ดี หากมีสวนขนาดเล็กให้เด็กเล่นอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กเหล่านี้ได้ มองว่าเป็นการสูญเสียช่วงเวลาที่ดีสำหรับชีวิตของเด็กๆ ดังนั้น กทม. ต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลง
สำหรับเรื่องที่อยู่อาศัยในชุมชน ชัชชาติกล่าวว่า มีหลายชุมชนที่ไม่ได้จดทะเบียน แม้ กทม. จะไม่มีหน้าที่โดยตรงเรื่องการจัดการที่อยู่อาศัย แต่สามารถร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้
เมื่อถามว่าหากเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้ว มั่นใจว่าจะยกระดับชีวิตของชาวบ้านได้หรือไม่ ชัชชาติตอบว่า ตั้งแต่ที่สังเกตมา กทม. ไม่ได้คิดว่าเป็นอำนาจหน้าที่ เพราะงานส่วนนี้เป็นของ พม. แต่ที่จริงแล้วมองว่า กทม. ต้องเป็นเจ้าภาพ พร้อมระบุว่ามันง่ายที่จะไม่คิดถึงเขา แต่ถ้าเราคิดถึงเขามันจะสามารถเปลี่ยนชีวิตเขาได้ ที่สำคัญคือต้องช่วยเหลือในแง่ของการให้ความรู้ให้ชาวบ้านสามารถเลี้ยงตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ชัชชาติกล่าวอีกว่า ส่วนตัวมองว่าประชาชนในชุมชนค่อนข้างเก่งที่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยทรัพยากรที่จำกัด อย่างชุมชนก่อนหน้าที่เพิ่งลงพื้นที่ ได้พบกับเด็กอยู่ชั้นมัธยม 4 ซึ่งขายของอยู่ริมทางรถไฟ ต้องช่วยพ่อแม่ ในขณะเรียนหนังสือได้ที่ 2 เกรดเฉลี่ย 3.96 มองว่านวัตกรรมต่างๆ ที่นำมาช่วยเหลือ มาจากนวัตกรรมชีวิตในการหาทางรอด รอเพียงแค่ภาครัฐมาช่วยเหลือ อาจจะไม่ได้ดีขึ้น 100% แต่เชื่อว่าสามารถพัฒนาได้
สำหรับประเด็นเรื่องป้ายหาเสียงที่ผู้สมัครหลายคนเริ่มเปลี่ยนป้ายมาใช้ขนาดเล็ก ชัชชาติมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ยืนยันว่าตนไม่ได้บอกว่าเป็นคนริเริ่มคนแรก ตนเห็นจากป้ายหาเสียงในต่างประเทศมองว่าประหยัดเงินได้ดี ขออย่าดราม่า หากประชาชนชอบก็เพียงทำตามที่ประชาชนต้องการ ตนมองว่าต้องตั้งคำถามว่า สิ่งที่ทำต่อๆ กันมาถูกต้องหรือไม่ ส่วนที่ผู้สมัครคนอื่นเริ่มลดขนาดป้ายตนก็ยินดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีป้ายของผู้สมัครบางคนถูกกรีดและทำลาย หวั่นใจหรือไม่ที่จะโดนเช่นเดียวกัน ชัชชาติตอบว่า ตนก็เห็นเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเป็นการเมืองหรือไม่ ซึ่งบริเวณนั้นเป็นแหล่งกลางคืน อาจจะมีคนเดินผ่านไปมาเยอะ ส่วนของตนไม่โดนเนื่องจากไม่มีป้าย ขอเตือนคนที่ทำว่าอย่าทำเลย กทม. มีกล้อง CCTV อยู่ หากเอาจริงน่าจะตรวจสอบได้ว่าใครทำ มองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น การไปกรีดป้ายไม่ใช่เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ แนะนำให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามถึงสุขภาพ เนื่องจากเห็นว่าชัชชาติมีเสียงแหบ ชัชชาติยืนยันว่า ตนเองสุขภาพแข็งแรงดี แค่หิวน้ำ แต่เสียงไม่ค่อยดี ส่วนจะประเมินให้คะแนนตัวเองเท่าไรในการลงพื้นที่ ชัชชาติตอบว่าต้องให้คนอื่นเป็นคนประเมิน ส่วนตัวต้องขอบคุณทีมงาน ยืนยันว่าทำเต็มที่แล้ว
