วันนี้ (27 ตุลาคม) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่สภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) เลื่อนการเสนอญัตติขอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
เอกวรัญญูกล่าวว่า ประเด็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ทาง กทม. ตั้งใจจะเร่งแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ โดยตรง จึงมีการเสนอญัตติขอรับความเห็นจากสภา กทม. ในเรื่องแนวทางการเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และญัตติขอรับความเห็นจากสภา กทม. เรื่องการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่ามีแนวทางความเห็นในเรื่องนี้ร่วมกันอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน
สำหรับข้อกังวลของสมาชิกสภา กทม. บางท่าน ถึงอำนาจในการพิจารณาแนวทางบริหารจัดการและการจัดเก็บค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น กทม. ยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่ได้เป็นการใช้อำนาจเพื่อขอมติสภา กทม. เพื่อนำไปใช้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการขอรับความเห็นของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เท่านั้น
ซึ่งในเรื่องนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ย้ำว่าไม่ได้ลงมติหรือใช้อำนาจอะไร เราเป็นตัวแทนประชาชน ถ้าเราไม่พูดและประชาชนจะพูดผ่านใคร ดังนั้นความคิดเห็นของ ส.ก. ทุกท่านจึงมีความสำคัญต่อการบริหารงานของ กทม.
โดยเฉพาะท่านที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง เห็นหรือไม่เห็นด้วยในมุมมองต่างๆ ก็จะจดบันทึกไว้โดยละเอียด เพื่อรวบรวมนำเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ตามหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถึงผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เรื่อง ขอทราบแนวทางการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจาก กทม. ซึ่งมีผู้ว่าฯ กทม. และสภา กทม. บริหารราชการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน
เอกวรัญญูกล่าวต่อไปว่า ทาง กทม. ยืนยันว่าการยื่นญัตติดังกล่าวเป็นไปเพื่อชี้แจงรายละเอียดในส่วนการบริหารจัดการในความรับผิดชอบของ กทม. ให้สภา กทม. ได้รับทราบ และเป็นการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจเท่านั้น
ทั้งนี้ สภา กทม. ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ถือเป็นส่วนสำคัญตามโครงสร้างการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร และมีหน้าที่ในการพิจารณาความเหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณของ กทม. ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับ กทม. และพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ
ความคิดเห็นของ ส.ก. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ถือเป็นเสียงสำคัญที่สะท้อนความต้องการของประชาชน ดังนั้นหาก สภา กทม. เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้ให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นกรรมการหรือให้ข้อมูล ฝ่ายบริหารก็พร้อมที่จะดำเนินการ
เอกวรัญญูกล่าวด้วยว่าการนำเรื่องเข้าสู่สภา กทม. เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของ กทม. จะได้หารือร่วมกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะความคิดเห็นของ ส.ก. ทุกท่าน ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยกันนำปัญหาของพี่น้องประชาชนไปสู่ทางออก ดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กทม. และสภา กทม. จะได้มีโอกาสปรึกษาหารือกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนต่อไป