นักวิเคราะห์จาก Bitfinex ประเมินว่า หลังการ Halving ของ Bitcoin ในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 เมษายน) ความต้องการหรืออุปสงค์ของ Bitcoin มีโอกาสพุ่งแซงหน้าอุปทานของ Bitcoin กว่า 5 เท่าตัว
เนื่องจากการ Halving จะทำให้ผลตอบแทน Bitcoin ต่อบล็อกลดลงจาก 6.25 BTC เหลือเพียง 3.125 BTC ซึ่งจากข้อมูลของ Glassnode พบว่าอุปทานของ Bitcoin ที่เพิ่มเข้ามาในระบบต่อวันเหลือเพียง 450 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท จากที่ประมาณ 900 BTC ต่อวัน โดยอุปทานดังกล่าวยังน้อยกว่าความต้องการซื้อที่เกิดขึ้นกับ Bitcoin Spot ETF ต่อวันถึง 5 เท่าตัว
นักวิเคราะห์จาก Bitfinex กล่าวว่า หลังจากการ Halving จบลงไป ทำให้ปริมาณ Bitcoin ที่ถูกผลิตขึ้นมาต่อวันเหลือเพียง 40-50 ล้านดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 1,400-1,750 ล้านบาทต่อวัน) และอาจลดต่ำลงไปถึง 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท)
นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่ปริมาณเงินที่ไหลเข้า Bitcoin Spot ETF ต่อวันตกอยู่ที่ราว 150 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,200 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเป็นตัวเลขที่ปรับตัวลดลงจากช่วงก่อนหน้าก็ตาม
แต่ทั้งนี้ในช่วงหลังการ Halving อาจพบว่าเหล่านักขุด (Miners) จะมีการเทขาย Bitcoin ออกมาบางส่วนเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์และเตรียมการสำหรับการขุดในช่วงถัดจากนี้ ซึ่งจากข้อมูลของ Glassnode ชี้ว่า 6 เดือนก่อนการ Halving ปริมาณ Bitcoin ในวอลเล็ตของนักขุดจะลดลงราว 18,000 BTC ถึง 1.82 ล้าน BTC
จากข้อมูลของ Bitfinex ยังชี้ว่า นักลงทุนเริ่มกลับมาโอนย้ายสินทรัพย์จากแพลตฟอร์มออกไปยัง Cold Wallet เพื่อมาดูแลสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น (Self Custody) จากการเก็งกำไรว่าราคา Bitcoin มีโอกาสปรับตัวขึ้น ทำให้ตลาดฝั่งอุปทานอ่อนตัวลงไปอีกระดับ
ในวันนี้ (24 เมษายน) ราคา Bitcoin เคลื่อนไหวบริเวณ 66,985 ดอลลาร์ คิดเป็นการปรับตัวขึ้นราว 0.98% ในรอบ 24 ชั่วโมง และเป็นการปรับตัวขึ้นราว 6% นับตั้งแต่การ Halving ในขณะที่ CoinDesk 20 Index ก็มีการปรับตัวราว 7% ในทิศทางเดียวกัน
อ้างอิง: