ราคาบิทคอยน์ (BTC) ที่ปรับตัวลงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เงินทุนไหลออกจากสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 (Outflows) มูลค่าประมาณ 33 ล้านดอลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าวันหยุดสำคัญๆ รวมถึงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ อาจนำไปสู่การซื้อขายและอารมณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
บิทคอยน์เจอแรงขายทำกำไรต่ำกว่า 42,000 ดอลลาร์ และเงินทุนไหลออกประมาณ 33 ล้านดอลลาร์
รายงานประจำสัปดาห์ของ CoinShares เปิดเผยว่า บิทคอยน์ประสบกับเงินทุนไหลออก (Outflows) มูลค่าประมาณ 33 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะเดียวกัน รายงานชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการขายทำกำไรมากกว่าความเชื่อมั่นของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป
แม้บิทคอยน์จะเจอเงินทุนไหลออกอย่างมีนัยสำคัญ แต่กิจกรรมการซื้อขายโดยรวมในสัปดาห์นี้ยังคงแข็งแกร่ง และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับค่าเฉลี่ยปีที่แล้วที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์
การซื้อขายในตลาดคริปโตเริ่มเงียบเหงาลง หลังจากที่บิทคอยน์ปรับตัวลดลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตลาดเริ่มมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โดยเทรดเดอร์กำลังรอการอนุมัติจากกองทุนบิทคอยน์สปอต ETF ของสหรัฐฯ และช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง ราคา BTC ที่ปรับตัวลดลงเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ตลาดคริปโตมีมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) หายไปกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.61 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวานนี้ (18 ธันวาคม)
นอกจากนี้ รายงานจาก CoinGlass ยังชี้ให้เห็นว่า การปรับตัวลงของ BTC ลงสู่ 40,500 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา มีนักเทรดที่เปิดสถานะ Long โดนล้างพอร์ตมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ และสถานะ Short มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ณ เวลา 15.30 น. ของวันนี้ (19 ธันวาคม) ราคาบิทคอยน์ได้ฟื้นตัวขึ้นมาได้อยู่ที่ระดับ 43,080 ดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นราวๆ 4.6% ในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด
เทศกาลวันหยุดยาวอาจทำให้การซื้อขายและอารมณ์ตลาดเปลี่ยนไป
ข้อมูลในอดีตและการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่า วันหยุดสำคัญๆ รวมถึงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่อาจนำไปสู่การซื้อขายและอารมณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เนื่องจากในช่วงวันหยุดเหล่านี้ ตลาดการเงินแบบดั้งเดิม เช่น ตลาดหุ้นมักจะปิดทำการ และราคาสินทรัพย์ดิจิทัลอาจเคลื่อนไหวได้ทั้งขาขึ้นและขาลงขึ้น อยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่แตกต่างกันในแต่ละปี
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2011, 2013, 2019 และ 2020 ราคาคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ในขณะที่ปีอื่นๆ เช่น ปี 2014, 2015, 2021 และ 2022 ก็พบว่าราคาลดลงอย่างเห็นได้ชัด
รูปแบบราคาไม่ได้สอดคล้องกันทุกปี แต่ดูเหมือนว่าในปี 2023 นี้ นักลงทุนจะมีมุมมองในแง่ดีมากขึ้นต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และยังมีปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุน เช่น ความหวังว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะอนุมัติกองทุนสปอตบิทคอยน์ BTC ในช่วงหลังปีใหม่ โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้าและเหตุการณ์บิทคอยน์ Halving ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปี 2024 อีกด้วย
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: