ในวันนี้ (12 กันยายน) ราคาบิทคอยน์พุ่งทะลุ 22,000 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบเดือน เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อาจชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินนโยบายในอนาคตของ Fed และการอัปเกรดเครือข่ายครั้งสำคัญของ Ethereum
ตามข้อมูลจาก CoinDesk แสดงให้เห็นว่า มูลค่าบิทคอยน์ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งแตะระดับ 22,341 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 08.45 น. ในวันนี้ (12 กันยายน) ตามเวลาประเทศไทย ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อย โดยซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 22,177 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 16.50 น. ฟื้นตัวราว 17% หลังจากร่วงลงหลุดระดับต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ เมื่อวันพุธ (7 กันยายน) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ผู้บริหาร Bitkub Blockchain แจงชัด ไม่รู้เรื่องดีล SCB พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจซื้อเหรียญ KUB ย้ำถือลงทุนยาว
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยบิทคอยน์ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับตลาดตราสารทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดัชนี Nasdaq จึงมักจะปรับตัวสูงขึ้นตาม
นอกจากนี้ นักลงทุนคริปโตยังรอคอยรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อสำคัญ ประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยในวันอังคารนี้ (13 กันยายน) เพื่อดูทิศทางของอัตราเงินเฟ้อ ที่อาจชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ในปีนี้ตลาดหุ้นตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจาก Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ไม่ต่างกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง ก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน
โดยมูลค่าตลาดของคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกหายไปเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ขณะที่มูลค่าของบิทคอยน์ก็ลดลงมากกว่า 50% ในปีนี้
ราคาที่ลดลงยังได้รับแรงหนุนจากปัญหาเฉพาะของคริปโต ซึ่งรวมถึงการล่มสลายของโครงการสำคัญๆ และการล้มละลายของบริษัทที่เกี่ยวข้องในทั่วอุตสาหกรรม
ด้าน Antoni Trenchev ผู้ร่วมก่อตั้ง Nexo กล่าวว่า คริปโตจะเผชิญกับปัจจัยที่ผิดธรรมดา 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และ Ethereum Merge ที่รอคอยมานาน และล่าช้าบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ การอัปเกรดเครือข่าย Ethereum ที่หลายฝ่ายรอคอยมานาน หรือที่เรียกว่า The Merge จะทำให้ Ethereum ถูกปรับเปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) โดยจะทำให้เครือข่ายประหยัดพลังงานมากถึง 99.9%
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า The Merge ไม่ได้ช่วยเร่งความเร็วของเครือข่าย Ethereum ซึ่งทราบกันดีว่าเชื่องช้า และไม่ได้ช่วยลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากยังรู้สึกตื่นเต้นสำหรับการอัปเกรดเครือข่ายครั้งนี้
ทั้งนี้ Fed คาดว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมสัปดาห์หน้า นับเป็นเมฆอีกก้อนที่ลอยเหนือตลาดคริปโต
Yuya Hasegawa นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตจาก Bitbank แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น กล่าวว่า เรายังคงต้องจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยราคาบิทคอยน์สามารถปรับขึ้นต่อได้ แต่อาจอยู่ได้ไม่นาน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP