หลังจากราคา Bitcoin ร่วงลงไปแตะระดับ 38,220 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 45% จากจุดสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 และดูเหมือนว่าในปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่สดใสมากนักสำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งซิปเม็กซ์ (Zipmex) ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยกดดันต่อราคา Bitcoin มีออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างก่อนหน้านี้ที่ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้จัดตั้งกองทุน ETF สำหรับลงทุนใน Bitcoin โดยเฉพาะ หรือล่าสุดที่ทางการรัสเซียเตรียมแบน Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ เช่นกัน
“ช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยเชิงมหภาคกดดันราคา Bitcoin ต่อเนื่อง โดยรวมไม่มีข่าวดีเลย ขณะที่แนวโน้มทางเทคนิคัลก็ไม่ดีนัก หลังจากราคา Bitcoin เกิด Dead Cross ในกรอบเวลาระดับวันแล้ว ขณะเดียวกันราคาในกรอบสัปดาห์ก็ยังลดลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ ซึ่งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือช่วงที่ราคาปรับฐานหนักในปี 2563”
หลังจากนี้คงต้องติดตามว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะตอนนี้ไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาเลย และต้องติดตามว่านักลงทุนสถาบันหรือกองทุนต่างๆ จะประเมินว่าราคาในระดับนี้ถูกหรือยัง และจะเข้ามาซื้อหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ราคา Bitcoin ยังไม่เคยหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ลดลงไปทดสอบคือช่วงวิกฤตโควิด และช่วงตลาดหมีในปี 2561 แต่ก็ไม่ได้หลุดลงไป
“ตอนนี้ค่าเฉลี่ยของราคา 200 สัปดาห์ อยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นกรณี Worst Case ที่ราคาจะลดลงไปได้ และอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เชื่อว่า Bitcoin มีแนวรับสำคัญบริเวณ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นต้นทุนของบริษัทอย่าง MicroStrategy และ Tesla ส่วนตัวมองว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงก็ไม่น่าจะหลุดไปต่ำกว่านี้”
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
