×

ไบค์แมน 2 เมื่อ ‘น้าค่อม’ และผองเพื่อนต้องแบกหนังจนหลังเกือบหัก

24.10.2019
  • LOADING...
Bikeman 2

ความรู้สึกตอนดูหนังภาคแรก เราจัดให้ ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก อยู่ในหมวดหนัก ‘ป๊อปคอร์น’ ที่ดูเพื่อความบันเทิง มีมุกตลกให้หัวเราะตลอดเรื่อง มีความน่ารักของนักแสดงเสิร์ฟให้อมยิ้มอยู่เป็นระยะ และสอดแทรกประเด็นทางสังคม เรื่องอาชีพ ชนชั้น การแข่งขันในเมือง ความฝัน และความคาดหวังได้อย่างน่าสนใจ 

 

และอย่างที่รู้กันว่าการมีหนังภาคต่อไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามปกติในวงการหนังไทย ทำให้การขยายจักรวาล ไบค์แมน ภาค 2 ออกมาในช่วงเวลาห่างกันเพียงแค่ 1 ปี กลายเป็นความรู้สึกที่ทำให้เราสนใจและอยากเอาใจช่วยหนังเรื่องนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ

 

ไบค์แมน 2 เล่าเรื่องต่อเนื่องจากภาคก่อนทันที มีจุดเริ่มต้นที่ความสัมพันธ์ซึ่งกำลังพัฒนาของศักรินทร์ (พีช-พชร จิราธิวัฒน์) และจ๋าย (ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) ที่เปลี่ยนภารกิจ ‘ปลอมตัว’ จากวินมอเตอร์ไซค์เป็นนายแบงค์ มาเป็นปลอมตัวเป็น ‘คนรัก’ เพื่อป้องกันไม่ให้ศักดา (เต๋า-สมชาย เข็มกลัด) คุณพ่อจอมเฮี้ยบพาจ๋ายไป ‘ดูตัว’ กับคนที่เธอไม่รู้จัก เปิดทางให้แก๊ง ‘ตูดหมึก’ ยกทีมมาช่วยเสริมพิรุธตามสูตรเดิมแทบทั้งหมด 

 

เพราะฉะนั้นถ้าเลือกตีตั๋วเข้าไปดูเพราะคิดถึงบรรยากาศ ตัวละครเก่าๆ ก็ต้องบอกว่าไบค์แมน 2 ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ครบถ้วน หนังยอมลงทุนถึงขนาดลดพื้นที่ของศักรินทร์และจ๋ายลงเพื่อเพิ่มซีนให้แก๊งตูดหมึกได้ปล่อยมุกกันแบบเต็มๆ โดยเฉพาะการเปิดหน้าชกของมวยคู่เอกอย่างศักดาและปรีชา (ค่อม ชวนชื่น) ที่กลายเป็นความบันเทิงอันดับ 1 ของหนังเรื่องนี้ไปเลย 

 

ในส่วนของ เต๋า สมชาย ถึงเราจะรู้สึกว่ายังไม่ได้มีจังหวะตลกโบ๊ะบ๊ะเฉียบคมแบบตลกมืออาชีพ แต่การลงทุนทำทรงผมล้านแปะป้าย ‘บาร์โค้ด’ ที่มาขัดกับคาแรกเตอร์ดิบๆ โหดๆ ให้ดูน่ารัก น่าเอ็นดู ก็นับว่าทีมงานประสบความสำเร็จในการออกแบบตัวละครให้เป็นที่จดจำแบบไม่ต้องทำอะไรมากนัก 

 

ส่วนบท ลุงปรีชา นั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะในบรรดานักแสดงตลกที่เข้ามาเล่นหนังในช่วงหลังๆ เรารู้สึกว่า ‘น้าค่อม’ คือคนที่มีจังหวะการปล่อยมุกที่คมและใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้ว 

 

ลองนึกถึงฉาก ‘ยาขยัน’ กับการทำงานบ้าน เดินไปเดินมาแต่ทำให้เราขำไม่หยุดได้เกือบ 10 นาทีในภาคแรก พอมาภาคนี้ก็มีฉาก ‘งูเห่าหลุด’ แน่นอนว่าเครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้ โรเบิร์ต สายควัน ที่ช่วยส่งพร้อมกับตัวละครอื่นๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการแสดงของน้าค่อมคือหัวใจสำคัญที่ประคองให้ฉากที่แทบไม่มีสคริปต์ ไม่มีองค์ประกอบเสริม กลายเป็นฉากตลกที่สุดในเรื่องได้ขนาดนี้ 

 

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ยืนยันว่าน้าค่อมเป็นคนที่สบถคำด่าและเปล่งเสียงหัวเราะได้อร่อยปากที่สุดในประเทศ และเรานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีสักกี่คนที่ทำให้เราขำไปกับประโยคอย่าง “แหม ถุยซะคมเชียว”, “เชิญอกกัญญูได้เลยลูก” ฯลฯ ได้แบบที่ปรมาจารย์ตลกคนนี้ทำได้ 

 

ตัวละครอื่นๆ อย่าง หลง หรือ องอาจ ของ โรเบิร์ต สายควัน ก็ยังเรียกเสียงหัวเราะได้ตามมาตรฐาน, นรสิงห์ (ต้น-อรุณพงศ์ นราพันธ์) ก็เพิ่มสกิลแรปขายของนอกจากความหัวร้อนได้น่าสนใจ, โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ยังแสดงสกิลพูดแบบลิ้นคับปากได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ฯลฯ 

 

แต่พอ ไบค์แมน 2 เน้นพาร์ตคอเมดี้ของตัวละคนอื่นๆ มากขึ้น แถมยังต้องเก็บมุก เก็บฉากจำอย่างฉากพระหลบรถ ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ ฯลฯ เอาไว้ให้ครบ จนแทบไม่เหลือพื้นที่สานต่อประเด็นน่าสนใจที่ภาคแรกทิ้งเอาไว้เท่าไรนัก 

 

ทั้งเรื่องความลำบากของการทำงานที่ศักรินทร์ต้องเข้าไปเผชิญต่อจากจ๋าย, ความฝันการเป็นนักบินของจ๋ายก็เหมือนจะหายไปกับสายลม เหลือแค่ประเด็นความคาดหวังของพ่อแม่ที่ย้ายฟากจาก สุรีย์ (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) และศักรินทร์ มาให้ศักดาและจ๋ายเป็นคนคลี่คลายเรื่องนี้แทน 

 

ความน่าเสียดายของ ไบค์แมน 2 เลยอยู่ที่การเป็นหนัง ‘ภาคต่อ’ ที่ไม่ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการของเนื้อเรื่องและตัวละครที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงจากภาคแรกเท่าไรนัก โดยเฉพาะตัวละครศักรินทร์ของพีช พชร ที่นอกจากฉากบอกความรู้สึกที่มีกับจ๋ายต่อหน้าศักดาที่ทำได้ดีมากๆ ที่เหลือบทของศักรินทร์ก็วนอยู่กับการทำหน้าเหวอ ตกใจ และพาตัวละครอื่นไปเจอสถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น 

 

รวมทั้งบทจ๋าย ของฝน ศนันธฉัตร เป็นตัวละครหลักที่น่าสนใจ แต่เรารู้สึกว่าถูกขโมยซีนและแย่งความสำคัญไปอยู่เสมอ โชคดีที่ได้เสน่ห์ ความน่ารักที่ ‘ดาเมจ’ รุนแรงมากๆ (การให้ฝนเปลี่ยนจากชุดพนักงานธนาคารเป็นชุดธรรมดาที่ไม่โป๊แต่ดูดีนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ ของฝ่ายคอสตูม) 

 

และซีนอารมณ์บอกความรู้สึกกับพ่อในตอนสุดท้าย ที่ถึงแม้สถานการณ์และบทพูดจะมีความ ‘จับยัด’ อยู่สูง แต่จังหวะและการแสดงของฝนก็ทำให้ฉากนี้ทรงพลัง และอาจทำให้หลายคนน้ำตาซึมตามได้ไม่ยาก 

 

ถ้ามองในภาพรวมทั้งหมดเรายกให้ ไบค์แมน 2 เป็นหนังภาคต่อที่เสมอตัว คือส่งมอบความสนุก เสียงหัวเราะได้ตามมาตรฐาน แต่ถ้าคิดจะขยายจักรวาลแก๊ง ‘ตูดหมึก’ ให้ไปได้ไกลคล้ายๆ ที่หนังเรื่อง บุญชู เคยทำเอาไว้อย่างดีติดต่อกันเป็น 10 ภาค 

 

ทีมงานอาจจะต้องกลับมาคิดหนักเรื่องการให้ความสำคัญกับ ‘ประเด็น’ และตัวบทที่ต้องพาตัวละครพัฒนาไปข้างหน้า หรือพูดเรื่องที่กว้างและสำคัญยิ่งกว่าให้มากขึ้นอีกเยอะอยู่เหมือนกัน

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising