×

กูรูชี้นโยบายเศรษฐกิจ Bidenomics ต้องกระตุ้นหนัก-ยกระเบียบการค้าเข้มข้น

โดย THE STANDARD TEAM
11.11.2020
  • LOADING...
Bidenomics

บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักร่วมประเมิน และแสดงความคิดเห็นคาดการณ์แนวโน้มทิศทางนโยบายทางเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่า ต้องเดินหน้าเร่งออกมาตรการกระตุ้นให้มากขึ้น จัดการยกเครื่องจัดกฎระเบียบการค้าให้เข้มงวด และต่อสู้กับการแบ่งฝ่ายในสภาคองเกรสอย่างชัดเจน

 

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยังไม่ทันที่จะได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ โจ ไบเดน ก็มีงานท้าทายรอให้เข้าไปสะสางจัดการอยู่ที่ทำเนียบขาวเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะการเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19

 

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจสไตล์ไบเดน หรือ Bidenomics นี้ นักวิเคราะห์มองว่า โดยรวมแล้วก็คงเป็นไปตามแนวนโยบายที่เจ้าตัวได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ตั้งแต่การจัดการปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะเปลี่ยนจากการมุ่งให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย มาเป็นการลงทุนในด้านการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานสะอาดให้มากขึ้น

 

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า การลงทุนดังกล่าวถือเป็นช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอาศัยการขับเคลื่อนจากภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งตรงใจบรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ รวมถึง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นจากทางสภาคองเกรสให้มากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

 

เหตุผลเพราะยังมีความไม่แน่นอนอย่างวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคอยู่ และตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ความสามาถในการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจย่อมเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า

 

ก่อนหน้านี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่รัฐบาลอนุมัติออกมาในเดือนมีนาคม ได้รับเสียงชื่นชมจากหลายฝ่ายว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับขึ้นมาได้ในช่วงซัมเมอร์ กระนั้น มูลค่าดังกล่าวก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้อยู่รอดโดยสวัสดิภาพไปจนถึงปีหน้าได้

 

นักวิเคราะห์ประเมินว่า หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ชาวอเมริกันว่างงานราว 10 ล้านคนทั่วประเทศ และธุรกิจขนาดเล็กอีกหลายพันแห่งจะได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้นจนยากที่จะฟื้นตัวกลับมาได้

 

ทั้งนี้ Capital Economics ประเมินว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1-1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของไบเดนจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้าขยายตัวได้ถึง 4.5% เป็นระดับเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ภายในปีสิ้นปี 2021

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ไบเดนจำเป็นต้องเร่งเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์ทางการค้าให้เข้มงวดรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะกฎหมายภาษี เพื่อให้รัฐเก็บเงินเข้าคลังได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งหมายความว่า ไบเดนจะต้องเปลี่ยนอัตราการเก็บภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์จัดการหักลดให้กับภาคเอกชนไปเมื่อปี 2017 จาก 28% มาอยู่ที่ 21%

 

ทว่า ด้วยสถานะของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกนับตั้งแต่ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ที่ไม่สามารถครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา นโยบายเศรษฐกิจสไตล์ไบเดน ต้องเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านอย่างหนักหน่วงแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการขึ้นภาษี และการลดขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

นอกเหนือจากประเด็นเศรษฐกิจแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ไบเดนน่าจะใช้อำนาจเด็ดขาดในฐานะประธานาธิบดีเข้ามาจัดการในประเด็นแวดล้อมอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายตรวจคนเข้าเมือง นโยบายสวัสดิการ และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

 

ด้านสงครามการค้ากับนานาประเทศ หลายฝ่ายมองว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจจะคลายความตึงเครียด แต่ก็ยังอยู่ในระดับมึนตึงอีกสักระยะ ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีชนวนบาดหมางจากกรณีการอุดหนุนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้ง น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising