×

ภูมิใจไทยสั่งผู้สมัคร 400 เขต ดำเนินดคี ‘ชูวิทย์’ ฐานทำพรรคเสียหาย

โดย THE STANDARD TEAM
17.03.2023
  • LOADING...
พรรคภูมิใจไทย

วันนี้ (16 มีนาคม) ศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีที่มีบุคคลโจมตีกล่าวหารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่รัฐมนตรีของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ก็มีกระบวนการทางนิติบัญญัติในการตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน เช่น การร้องกล่าวหา ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย 

 

แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามเกินกว่าการตรวจสอบทั่วไป แต่เป็นการสร้างระบบศาลเตี้ยเข้ามาเพื่อปลุกปั่นสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงเรื่องความผิดถูกที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ พรรคภูมิใจไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภา หรือในฐานะรัฐมนตรีที่ได้เข้ากำกับดูแลในกระทรวงต่างๆ เราได้ใช้หน้าที่อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่โดยการทุ่มเท ไม่มีการโกงบ้านเมืองอย่างที่มีคนออกมาพยายามกล่าวหา

 

พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่า สิ่งที่มีการกล่าวหานั้นเป็นการกล่าวร้ายพรรคโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ที่ผ่านมาเราพยายามปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินการของพรรคอาจกระทบคนบางคน บางกลุ่ม หรือนิติบุคคลบางแห่ง ที่ผ่านมาเราได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และยืนหยัดเสมอมาที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ดังนั้นเรื่องการถูกผิดจะต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

 

“แต่วันนี้กรณีของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ประกาศอย่างชัดเจนว่ารับงานมาเพื่อมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตในฐานะประชาชนที่จะติชมด้วยความเป็นธรรม แต่มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพของประชาชนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการแสดงพูดอาฆาตมาดร้าย และมีการแสดงออกตามพื้นที่ต่างๆ” ศุภชัยกล่าว

 

ศุภชัยกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถามว่ารับงานจากใคร ก็มีข่าวปรากฏออกมาค่อนช้างชัดว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ในสิ่งที่พรรคออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นในวันนี้พรรคจะดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่เข้ามากล่าวร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทยในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม จะไม่ยอมให้กระบวนการที่ทำเหมือนเป็นศาลเตี้ยเข้ามาจนทำให้กระบวนการทางกฎหมายสั่นคลอน วันนี้ชูวิทย์หรือใครก็ตามที่นำเรื่องที่ชูวิทย์แถลงไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินการทุกคดีกับใครก็ตามที่ใส่ร้ายพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสีย โดยพรรคยึดหลักการเคารพกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อมีบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมายมาทำแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีและคะแนนนิยมของพรรค โดยจะดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่องกับทุกฝ่าย กับบุคคลทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยว

 

ศุภชัยกล่าวอีกว่า นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรรคจะดำเนินคดีเพื่อปกป้องสิทธิของเรา โดยยึดหลักบ้านเมืองที่ต้องมีขื่อมีแป เราไม่ได้ปิดปากชูวิทย์ เพราะถ้าจะใช้เสรีภาพติชมเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าใส่ร้ายป้ายสีถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพรรค วันนี้พรรคจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย กกต. มาตรา 22 ระบุว่า กกต. จะต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ต้องให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม 

 

รวมถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ซึ่งจะมีผลทำให้ประชาชนมีความเข้าใจหลงผิดในคะแนนนิยม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโทษทางอาญา บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของชูวิทย์จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เช่น พรรคจะดำเนินคดีโดยหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงมีหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ชูวิทย์ได้ไปดำเนินการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็จะดำเนินคดีของแต่ละหน่วยงานไป

 

“มีคนถามว่าทำไมพรรคถึงปล่อยให้ชูวิทย์ดำเนินการไปเรื่อยๆ โดยที่ปล่อยปละละเลยอย่างนี้ ผมยืนยันว่าเรื่องนี้เราจะเริ่มดำเนินคดี สิ่งที่จะดำเนินคดีต่อไปโดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย ทั้ง 400 เขต ซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำของชูวิทย์ จะไปดำเนินคดีกับชูวิทย์ในแต่ละเขตเลือกตั้ง และจะร้อง กกต. จังหวัดแต่ละเขต รวมถึงฟ้องคดีอาญาชูวิทย์ ผมเชื่อว่าท่านไม่กลัวติดคุก เพราะท่านเคยติดคุก อาจเสพติดเรื่องการติดคุก มีคดีมากๆ ท่านอาจจะชอบก็ได้ แต่พรรคต้องทำเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ ปกป้องชื่อเสียงเกียรติคุณของพรรค มีสุภาษิตกฎหมายคำหนึ่งว่า…บุคคลจะต้องไปศาลด้วยมือที่สะอาด ซึ่งอาจจะหมายถึงว่าตัวผู้ร้องต้องเป็นบุคคลที่สะอาด ฉะนั้นการที่ชูวิทย์ไม่ได้ใช้สิทธิโดยสุจริต แต่ไปโดยการกระทำด้วยการอาฆาตมาดร้าย ชูวิทย์จึงไปร้องโดยที่มือไม่สะอาด เรื่องที่ชูวิทย์ทำในอดีต เช่น การเปิดกิจการอาบอบนวด การรื้อบาร์เบียร์แล้วติดคุก นั่นอาจหมายถึงความสกปรก แต่การที่ชูวิทย์จะไปดำเนินการร้องกล่าวหาพรรคหรือบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรค ชูวิทย์ต้องเป็นมือสะอาดและไปด้วยเจตนาของตัวเอง ไม่ใช่เหตุผลว่ารับงานมา” ศุภชัยกล่าว

 

ศุภชัยยังกล่าวอีกว่า จากการที่ชูวิทย์ระบุว่ามีเอกสารการโอนเงิน หรือบอกว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท โอนจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ ธนาคาร HSBC ว่า สิ่งที่กระทรวงคมนาคมถามไปว่าใครโอน ใครรับโอน ทั้งที่โครงการนี้ยังไปไม่ถึงไหน อีกทั้งเรื่องยังไม่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ชูวิทย์ก็เฉไฉไม่ยอมตอบ เหตุเพราะสิ่งที่พูดไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหากรณีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว มีผู้ถูกกล่าวหา 13 คน คือ อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร BTS และผู้บริหาร ตนก็อยากถามชูวิทย์ว่าถ้าคุณคิดว่าคุณมือสะอาด ตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ กรณีสายสีส้มที่ยังไม่มีการดำเนินการขั้นไหนเลย และฝ่ายค้านยื่นไปแล้ว ท่านก็ช่วยไปตรวจสอบเรื่องสายสีเขียวด้วยได้หรือไม่ว่ากรณีสายสีเขียวมีเงินทอนหรือไม่ และช่วยไปตามหน่อย ถ้าวันนี้ท่านอยากทำงานเพื่อชาติ ใจสะอาด ก็ช่วยไปตามสายสีเขียวด้วย ถ้าชูวิทย์แน่จริง วันนี้เมื่อชูวิทย์ถูกต้อนเข้าจนมุมก็เลื้อยไปเรื่อย อย่างกรณีที่ออกมาต่อต้านเรื่องกัญชา แต่ท่านก็มีร้านของตัวเอง 2 ร้าน เมื่อปลดล็อกแล้วก็ออกมาทำธุรกิจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ วันนี้ร้านชูวิทย์ก็ยังเปิดอยู่

 

“วันนี้นี่คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยบอกว่าเราจะดำเนินคดี ทุกท่านเตรียมรับหมายศาล และทุกคดีเราเก็บหมด เป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะฉะนั้นหนึ่งคดีมีโทษจำคุกซ้อนๆ อยู่หลายโทษ” ศุภชัยกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising