วานนี้ (29 มกราคม) ที่ชุมชนวัดมะกอก เขตสามเสนใน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และ ภาดาท์ วรกานนท์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน พร้อมนำเสนอนโยบายของพรรค
อนุทินกล่าวปราศัยนโยบายของพรรคภูมิใจไทยว่า กรุงเทพฯ ปัญหามันมีความเฉพะตัว ต่างจากพื้นที่อื่นในต่างจังหวัด จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้คนเก่งเข้ามาทำงาน ต้องขอขอบคุณ พุทธิพงษ์ ภาดาท์ และทีมงานที่มาอยู่ตรงนี้กับพรรค นี่คือคนดี มีความสามารถ
ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยมีรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เราได้พยายามสุดความสามารถเพื่อให้ระบบสุขภาพองค์รวมดีขึ้น
อนุทินกล่าวว่า มีคนบอกว่าจะยกระดับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ อยากจะบอกว่าทำไปหมดแล้ว ถ้าภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะมีเครื่องฉายรังสีผู้ป่วยโรคมะเร็งในทุกจังหวัด ส่วนผู้ป่วยโรคไตต้องได้รับความสะดวกสบาย ทุกอำเภอต้องมีศูนย์ไตเทียม กับ กทม.
ทั้งนี้ งานสาธารณสุขอยู่ในมือของกรุงเทพมหานครนั้น กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปทำงานได้ไม่เต็มที่ ในอนาคตจะต้องมีศูนย์สุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานงานกับ กทม. ถ้าโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เต็ม ต้องส่งไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้เลย
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด พรรคภูมิใจไทยมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เราต้องแก้ไขด้วยการแก้กฎหมาย จากนี้ใครครอบครองยาบ้า 1 เม็ด เท่ากับเป็นผู้เสพ และ 2 เม็ดขึ้นไป เป็นผู้จำหน่ายเลย โทษหนักเลย เตรียมลงนามเร็วๆ นี้
อนุทินยังให้สัมภาษณ์ก่อนการขึ้นปราศรัยถึงการการมี ส.ส. ในพื้นที่ว่า นับเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ประสานงานกันได้คล่องตัวขึ้น โดยภาดาท์ได้พาตนมาลงพื้นที่จึงได้รู้ว่าที่นี่มีปัญหาอะไรบ้าง ขอย้ำว่าอะไรที่เป็นความสุขของประชาชน เราพร้อมทำ อะไรที่เป็นความทุกข์ของประชาชน เราพร้อมแก้ไข ที่ผ่านมาภูมิใจไทยทำงานไม่เกรงใจใคร เราเกรงใจอยู่คนเดียวคือประชาชน
อนุทินยังกล่าวอีกว่า ตนเองมีความตื่นเต้นในการปราศรัยในพื้นที่ กทม. อย่างมาก เนื่องจากปกติอยู่ต่างจังหวัดไม่มีโพย ปกติปราศรัยต่างจังหวัดเป็นชั่วโมงก็ไม่มีโพย วันนี้มีโพยจะพูดแค่ 10 นาที แสดงให้เห็นว่าถึงความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทยที่จะมาแจ้งเกิดใน กทม.
ส่วนภูมิใจไทยจะรักษาพื้นที่เดิมที่มาจากพลังประชารัฐได้หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ต้องเชื่อว่าเวลาทำงานการเมือง ส.ส. ต้องมั่นใจพรรค และพรรคต้องมั่นใจ ส.ส. เป็นการคบกันที่มีความเข้าใจตรงกัน ถ้าพรรคไม่มั่นใจ พรรคก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งลง พรรคต้องให้การสนับสนุน ส.ส. ในทุกเรื่องที่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่า ในอนาคตสามารถทำงานกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งหรือไม่ อนุทินยืนยันว่า ตนไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะงานบริหารราชการแผ่นดิน เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า ถ้ามาสัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล หรือกระทรวงสาธารณสุข ตนเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ. ประยุทธ์ แต่หากสัมภาษณ์ที่รัฐสภาตอนที่เป็น ส.ส. ผู้ใต้บังคับบัญชาคือประชาชน แบ่งบทบาทอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างวันนี้แม้ตนจะมาในฐานะ ส.ส. แต่มีประชาชนมาร้องเรียน พรุ่งนี้ตนเองจะทำงานในฐานะรองนายกรัฐมนตรี จะนำเรื่องที่ได้รับร้องเรียนไปแก้ปัญหาให้