×

สทนช. ชี้ 15 เขื่อนขนาดใหญ่เสี่ยงน้ำล้นความจุ สั่งเร่งพร่องน้ำ ‘ภูมิพล-สิริกิติ์’ รับมือฝนเกินค่าเฉลี่ยและ 7 พายุ

โดย THE STANDARD TEAM
07.11.2025
  • LOADING...
สทนช. ชี้ 15 เขื่อนขนาดใหญ่เสี่ยงน้ำล้นความจุ สั่งเร่งพร่องน้ำ ภูมิพล-สิริกิติ์ รับมือฝนเกินค่าเฉลี่ยและ 7 พายุ

วันนี้ (7 พฤศจิกายน) ไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2568 ว่า หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการป้องกันอุทกภัยและการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

 

จากการคาดการณ์ล่วงหน้าของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ระบุว่า ปี 2568 จะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ย โดยจะตกเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนพัดเข้ามาในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ในหลายพื้นที่

 

สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินว่า เขื่อนขนาดใหญ่จำนวน 15 แห่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำล้นความจุเขื่อน โดยบางแห่งมีแนวโน้มเกิดน้ำล้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อน เพื่อป้องกันสถานการณ์อุทกภัยให้ได้มากที่สุด

 

สทนช. ได้กำหนดเป้าหมายให้เขื่อนมีปริมาณน้ำประมาณ 80% ของความจุเก็บกัก ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูฝน เพื่อให้มีพื้นที่ว่างรองรับน้ำช่วงฝนตกหนัก ช่วยลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ขณะเดียวกันก็ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้อย่างเพียงพอ

 

สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ ถือเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำตามแนวทางดังกล่าว โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ได้มีการเร่งพร่องน้ำจากเขื่อนทั้ง 2 แห่ง ตามแผนการระบายน้ำเป็นรายเดือน:

  • เขื่อนภูมิพล: มีการระบายน้ำไปแล้วรวม 5,369 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
  • เขื่อนสิริกิติ์: ระบายน้ำไปแล้วถึง 7,608 ล้าน ลบ.ม.

 

การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองเขื่อนมีพื้นที่ว่างรองรับน้ำฝนจากพายุแต่ละลูกและช่วยหน่วงน้ำที่จะไหลไปเพิ่มในลำน้ำต่างๆ ได้เป็นจำนวนมากตลอดช่วงฤดูฝนนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากพายุถึง 7 ลูก ก็ตาม

 

ในส่วนของสถานการณ์ พายุคัลแมกี ที่เคลื่อนตัวเข้าประเทศไทยในขณะนี้ สทนช. ได้ร่วมกับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการ ปรับเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลแบบเป็นขั้นบันได จากเดิม 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็นสูงสุดไม่เกิน 60 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน กรณีมีฝนตกหนักมาก แต่เบื้องต้นจะคงการระบายน้ำอยู่ที่อัตรา 40 – 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน

 

สทนช. ยืนยันว่ามวลน้ำที่ระบายจากเขื่อนภูมิพลจะไม่ทำให้ระดับน้ำสูงสุดในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำจากเขื่อนภูมิพลใช้เวลาประมาณ 8 วันจึงจะไหลถึงเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งระหว่างนั้น น้ำที่อยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาในปัจจุบันจะค่อย ๆ ไหลลงสู่อ่าวไทยไปก่อนแล้ว

 

สำหรับ เขื่อนสิริกิติ์ ยังคงมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ด้านเหนือเขื่อนได้ จึงยังคงการระบายน้ำไว้ในอัตราปัจจุบัน คือ 9.91 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ และลดระดับน้ำในลำน้ำให้สามารถระบายน้ำออกจากทุ่งบางระกำลงสู่แม่น้ำน่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หน่วยงานจะมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และบูรณาการการบริหารจัดการน้ำร่วมกันในภาพรวมทุกกลุ่มน้ำ เพื่อให้ภาพรวมของทุกพื้นที่ทั่วประเทศผ่านพ้นสถานการณ์นี้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

 

อ้างอิง : https://www.facebook.com/share/1BVoufH4mj/

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising