ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 33.63 บาทต่อดอลลาร์ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งขึ้นดอกเบี้ยและเร่งลดงบดุล
ตลาดการเงินอาจมีความคึกคักน้อยลงในช่วงสัปดาห์วันหยุดสงกรานต์ ซึ่งอาจทำให้เงินบาทสามารถผันผวนในกรอบกว้างได้ในช่วงที่ปริมาณการทำธุรกรรมเบาบางลง อย่างไรก็ดี เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะจับตาแนวโน้มการระบาดของโควิดหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้ ในกรณีที่มีการระบาดที่รุนแรงหนักจนกดดันระบบสาธารณสุขให้เข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้ง ซึ่งในกรณีดังกล่าวรัฐบาลก็อาจเพิ่มมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้นอีกครั้งได้ และยังอาจสามารถกดดันให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสะดุดลงในระยะสั้น
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ต้องระวังความผันผวนในช่วงวันหยุดยาวจากปริมาณธุรกรรมที่อาจเบาบางลง อย่างไรก็ดี ยังคงมองเงินบาทแกว่งตัว ‘Sideways’ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ โดยควรติดตามสถานการณ์โควิดในไทยหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่อาจมีผลกระทบต่อทิศทาง Fund Flow นักลงทุนต่างชาติในระยะสั้นได้
อนึ่ง เงินบาทยังคงมีแนวต้านในโซน 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าบรรดาผู้ส่งออกก็ต่างรอขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ส่วนผู้นำเข้ายังคงรอจังหวะ Buy on Dip ในช่วง 33.30 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง แนะนำว่าผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ออปชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราประเมินว่าเงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง หากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกมีความสูสีกันมาก ทำให้ตลาดกังวลว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง อาจเผชิญความเสี่ยงที่จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งในรอบที่ 2 ได้ อนึ่ง การแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจจำกัด ถ้า ECB ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
สำหรับกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ (11เมษายน) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45-33.65 บาทต่อดอลลาร์
