×

เบล สุพล กับ 5 บทเพลงจากช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต

30.07.2018
  • LOADING...

วันที่เราได้ฟัง เพราะเธอ เพลงล่าสุดของ เบล สุพล ที่ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกัน ก็ต้องยอมรับว่า ไม่น่าเชื่อ นับรวมแล้วเบลร้องเพลงให้เราฟังมานานถึง 12 ปี!

 

เบล สุพล อาจไม่ใช่นักร้องนักดนตรีที่โดดเด่นตลอดเวลา แต่เพลงของเขาเป็นที่จดจำอยู่เสมอ และเช่นเดียวกัน สำหรับตัวเขาเองก็มีบทเพลงที่อยู่ในความทรงจำ และเป็นเพลงที่อยู่คู่ช่วงต่างๆ ของชีวิต ทั้งการค้นหาความหมาย ความฝันวัยเด็ก การต่อสู้กับจิตใจ รวมไปถึงตัวตนของเขาเอง

 

THE STANDARD ขอบคุณที่ เบล สุพล มาเล่าให้ฟังถึงบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตของเขา และถ้าไม่ใช่เพลงเหล่านี้ ก็เป็นไปได้ว่า เราจะไม่ได้รู้จัก เบล สุพล ในแบบวันนี้

 

ทุกสิ่ง / พรู

“ช่วงนั้นเรียนปี 1 คิดอย่างเดียวว่าชีวิตนี้เราต้องการอะไร ซึ่งคำตอบคือ การมีเพลงเป็นของตัวเอง แต่เราไม่เคยมั่นใจ คิดว่าเราคงไม่เก่งพอ ถึงจะดูชิลแค่ไหน แต่ในใจเราคิดเยอะว่าเรียนจบแล้วจะทำอะไรดี จนสุดท้ายลองลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ แล้วตั้งใจว่าจะลองไปเอ็นทรานซ์ที่แกรมมี่ที่เดียวเลย ติดไม่ติดก็จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องคาใจ

 

“เริ่มมาจาก ซีต้า ซาไลย์ ที่เป็นศิลปินฝึกหัดอยู่แกรมมี่ตอนนั้น เขาชวนเราไปคุยกับแกรมมี่ ซึ่งวันนั้นมันเหมือนการเดินเข้าโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ หัวใจเราเหมือนจะหลุด เพราะในห้องประชุมมีแต่พี่ที่รู้จักจากการอ่านปกเทปมาตลอด มันยิ่งกว่าได้เจอดารา เพราะในตอนนั้นเหมือนมีเทพนั่งอยู่เต็มห้อง แล้วเราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ก่อนกลับบ้านวันนั้นพี่ฉ่าย (สมชัย ขำเลิศกุล) มาคุยกับเรา ถามว่ามีเดโม่มาด้วยไหม พอจะกลับ อยู่ๆ พี่อ้อม (ชุมพล สุปัญโญ) ให้ลูกน้องเดินมาบอกเราว่าอย่าเพิ่งไป จะมาคุยด้วย

 

“เขาส่งผมลงไปชั้นล่าง ฝ่ายพัฒนาศิลปิน คุยกับคนที่แต่งตัวเหมือนนักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งทุกวันนี้คนนั้นคือ เมื่อย วง Scrubb แต่สุดท้ายเพลงที่ผมเลือกมาออดิชันคือเพลง ทุกสิ่ง ของวงพรู เพราะเป็นเพลงที่ชอบมากในตอนนั้น พี่เขาฟังก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากบอกว่า “เดี๋ยวมาลองทำงานดู” ตอนนั้นเราก็เด็ก ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเอาหรือไม่เอาเรากันแน่ แต่ก็เริ่มขั้นตอนการทำงานด้วยการเอาเพลงในสต็อกมาให้ลองร้องอัด จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นวงพาย อัลบั้มพายออกตอนผมเรียนจบพอดี ผ่านกระบวนการทั้งหมด 4 ปี”

 

 

จากวันที่เธอไม่อยู่ / พาย

“บอกตรงๆ เลยว่า ในวันนั้นเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมไม่ชอบเท่าไร เพราะวันนั้นเราคือเด็กที่ยังมีปัญหากับเพลงป๊อป มันคือวัยที่อยากทำอะไรแตกต่างมากๆ และไม่อินกับอะไรแบบนี้ แรกๆ ปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า นี่คือเพลงที่ต้องมีอยู่ในอัลบั้ม อาจเป็นเพราะว่าประสบการณ์เรายังไม่แมตช์กับเนื้อหาในเพลง เลยไม่เคยมีความรู้สึกโหยหาอดีต ไม่เคยมีความรู้สึกห่วงหาความรักเก่าๆ ว่าเป็นอย่างไร เพราะตอนนั้นเลิกก็คือเลิก ไม่ต้องมามองมายุ่งกัน แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ที่เพลงนี้เข้ามาอยู่ในชีวิต เพราะเราโตขึ้นถึงเข้าใจอารมณ์เพลงนี้มากขึ้น รู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สวยงามและมีความหมาย เพลงนี้ 12 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในใจคน ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นของขวัญพิเศษที่เป็นตัวแทนของช่วงเวลานั้น เป็นตัวแทนความฝันของเด็กกลุ่มหนึ่งที่อยากจะมีเพลง มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้เพลงก็ข้ามเวลามาอยู่กับเรา มันเลยมีความหมายกับผมมากในวันนี้”

 

 

เจ้าหญิง / Hennessy Rhythm Discovery Live Concert

“ที่ต้องเป็นเวอร์ชันนี้ เพราะตอน ม.2 ผมมีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ต พี่บอย โกสิยพงษ์ ที่ MBK Hall ตอนนั้นเดินทางมาถึงอัลบั้ม Simplifly แล้วแต่ บอย โกสิยพงษ์ ไม่เคยแสดงสดมาก่อน และนั่นคือคอนเสิร์ตครั้งแรก สำหรับเราเพลงพี่บอยวิจิตรมาก และเราชอบ Modern Dog มาก นั่นคือครั้งแรกที่เราได้ยินพี่ป๊อดร้องเพลงสด

 

“วันนั้นเขาออกมาร้องเพลง เจ้าหญิง เพอร์ฟอร์มานซ์อารมณ์ที่เขาระเบิด ทำให้เราที่นั่งอยู่ท้ายฮอลล์ตอนนั้นกระจุยไปเลย นักร้องที่เจ๋งมันเป็นอย่างนี้เอง หลังจากนั้นเราอยากทำให้ได้อย่างเขา จำได้ว่าต่อจากนั้นเราดูคอนเสิร์ตไม่รู้เรื่องเลย มันคือโมเมนต์ที่สุดยอดมากจริงๆ

 

“หลังจากนั้นผมขอถ่ายรูปพี่ป๊อด โดยที่ไม่คาดหวังว่าเขาจะจำเราได้หรือเปล่า แต่พี่ป๊อดพูดกับเราอยู่คำหนึ่ง ซึ่งวันนั้นเรางงมากว่าหมายความว่าอะไร จนเวลาผ่านไป คำนี้มันเริ่มตกตะกอนและเข้าใจมันมากขึ้น พี่ป๊อดพูดกับเราว่า “อย่าหยุดทำนะ” ตามความเข้าใจของเราคือ กราฟชีวิตมนุษย์เรามันมีขึ้นๆ ลงๆ ในวันที่เราลงแล้วยอมแพ้ มันก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น เราไม่มีทางที่จะรู้ว่ามันจะขึ้นได้อย่างไรต่อ มันโคตรสัจธรรม ชีวิตเรามันมีทั้งดีและไม่ดี ใช่และไม่ใช่ แค่เราอย่าหยุดทำ”

 

 

OST. The Sound of Music

The Sound of Music เป็นหนังเรื่องแรกที่เราได้ดู พ่อเป็นคนเปิดให้ดู แล้วตอนเด็กๆ มันไม่มีอะไรให้เราดูมาก พอไม่มีอะไรทำก็เสียบวิดีโอ ไปดูวิว ฟังเพลง เรารู้สึกผูกพันกับหนังเรื่องนี้ เหมือนเราโตมาด้วยกัน เอาจริงๆ ไม่เคยดูจนจบด้วยซ้ำ ดูแค่ถึงช่วงที่เพลงหมดก่อนที่จะเข้าสงคราม”

 

 

ไม่ธรรมดา / เบล สุพล

“เป็นหนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดของผม แต่เชื่อไหมว่า ในวันนั้นปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่อยากร้อง เราซัฟเฟอร์มาก เพราะเราไม่เห็นตัวเอง แต่เห็นคนอื่นอยู่ในเพลงนี้ จนไปถึงด่านสุดท้ายคือ พี่ตี่ (กริช ทอมมัส) พี่ตี่บอกว่า เชื่อเถอะ ร้องเพลงนี้แล้วจะเกิด เราจึงโอเค เราพยายามอินกับเพลงเต็มที่ สิ่งที่เพลงนี้สอนเราคือ ทุกเพลงที่เราคิดว่าไม่ใช่ มันเป็นเพราะเราไม่ได้เอาตัวเองใส่ลงไปแล้วมัวแต่มองอยู่ข้างนอก แต่สุดท้ายพอได้รับมอบหมายก็ต้องทำให้รู้สึกว่ามันใช่ แล้วก็กระโจนใส่ให้สุดตัว

 

“สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเพลงนี้คือ การเชื่อมั่นในความรู้สึกตัวเองมันดี เราต้องทำตามความเชื่อนั่นแหละ แต่สถานการณ์นี้สอนว่ามันมีบางอย่างที่เรามองไม่เห็น เราต้องเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วย

 

“ความมั่นใจและสัญชาตญาณตัวเองมันดี แต่ต้องเลือกใช้เป็นเวลา ต้องยอมรับว่า เราไม่ได้เห็นตัวเองในทุกเรื่อง ท้ายที่สุดแล้วเรารู้ความรู้สึกตัวเอง แต่เรามองไม่เห็นตัวเองในทุกเรื่อง คนที่มีประสบการณ์ เขามองเราได้ขาด และการทำเพลงเราต้องเจอกันระหว่างอารมณ์ตัวเอง ผู้ร่วมงาน และคนฟัง จริงอยู่ที่เราเป็นศิลปินเดี่ยว แต่มันไม่ใช่งานของเราเพียงคนเดียว มันมีผู้ร่วมด้วยอยู่ในนั้นมากมาย มันมีจุดที่เสียความมั่นใจจนทำให้เรา “ได้ครับพี่ ดีครับผม” แต่ตัวตนข้างในมันก็ไม่ยอมอยู่ดี นี่ไง ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ ต้องหาจุดที่พอดี และเราก็ต้องหามันต่อไปเรื่อยๆ”

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising