*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์*
.
.
.
ซีรีส์ Kingdom ซีซัน 2 เมื่อซอมบี้ยุคโชซอนยังคงเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญขององค์ชายรัชทายาท อีชาง เขาจึงต้องเค้นทั้งความคิด ความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้ และไขปริศนาการที่คนกลายเป็นอสูรกายให้ได้ เรื่องราวยังคงสนุกน่าติดตาม ทั้งยังสอดแทรกประเด็นความขัดแย้งในราชสำนัก ศึกสายเลือดในการแย่งชิงบัลลังก์ ปมทุจริตคอร์รัปชัน ขั้วอำนาจตระกูลแฮวอนโจ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นการเมืองที่ขนาบข้างเรื่องซอมบี้ได้อย่างแยบยล
นอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่ดำเนินอย่างเข้มข้นตลอด 6 อีพีในซีซัน 2 อย่างหนึ่งที่โดดเด่นมากคือ ประเด็น ‘ภาวะผู้นำ’ ที่เราได้เห็นจากองค์ชายอีชาง ทั้งที่ในซีซันแรกตกอยู่ในสถานะหนีจากการถูกตามล่า แต่พอมาถึงซีซัน 2 เขากลับกลายมาเป็นผู้นำที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางสถานการณ์คับขัน และนำพาประชาชนให้ปลอดภัย
เราจึงถอดรหัส ‘การเป็นผู้นำที่ดี’ ที่ได้จากซีรีส์ Kingdom เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงที่เราล้วนต้องเจอกับสถานการณ์คับขัน และทำอย่างไรจึงจะรอดพ้นภัย
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์*
.
.
.
เรียนรู้ปัญหาด้วยการเอาตัวเองไปสัมผัสกับพื้นที่จริง
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ และองค์รัชทายาทก็เช่นกัน ด้วยชาติกำเนิดที่สูงศักดิ์ มีชีวิตอยู่สุขสบายแต่ในวังหลวง จึงไม่เคยได้รู้ความเป็นไปนอกกำแพงเมืองว่า ผู้คนยากจนแร้นแค้นขนาดไหน จนกระทั่งตัวเขาเองหนีออกนอกวัง ทั้งยังต้องเดินทางไปต่างเมืองที่ยิ่งทุรกันดาร ความขาดแคลนในทุกๆ ด้าน ทำให้องค์ชายอีชางได้เรียนรู้ว่า ปัญหาของประชาชนรุนแรงเพียงใด และไม่ว่าใครต่างก็ต้องการมีชีวิตรอดเท่าๆ กัน
และด้วยความยากจนอย่างถึงที่สุดนี้เองที่ทำให้ประชาชนหิวโหยจนยอมกินเนื้อมนุษย์ และเกิดเป็นอุบัติการณ์ของโรคประหลาด ที่ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพเป็นอสูรกายหิวกระหายเลือดเนื้อ จนกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วเมือง
การเหยียบย่ำไปในโคลนตม อดมื้อกินมื้อร่วมกับชาวบ้าน การได้สัมผัสกับชีวิตจริง ทำให้องค์ชายเข้าใจว่า หน้าที่สำคัญของผู้นำคือ การนำพาให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนปลอดภัยและสุขสมบูรณ์
ไม่หนีปัญหา
“พวกเจ้าจะสละชีวิตให้ข้ารอดเพียงคนเดียวหรือ” องค์ชายอีชางตรัสกับเหล่าทหาร เมื่อพวกเขาขอร้องให้องค์ชายหนีไปก่อน
นอกจากไม่หนีปัญหา องค์รัชทายาทยังยืนร่วมรบกับพวกเขา ทั้งยังคิดแผนเพื่อให้รอดชีวิตและทำลายเหล่าอสูรกายให้หมดสิ้นไป ซึ่งในอีพีสุดท้าย นับเป็นการขมวดปมจบซีซันได้อย่างชาญฉลาด และยังสอดคล้องกับเบาะแสที่หมอหญิงซอบีพยายามคลี่คลายเกี่ยวกับอสูรกายมาโดยตลอด
สิ่งที่องค์รัชทายาทได้เรียนรู้ตลอดเวลาที่ได้ลงพื้นที่จริงคือ เราหนีปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะในฐานะผู้นำ ควรเป็นคนที่ยืนหยัดอยู่ข้างหน้า เพื่อต่อสู้กับปัญหา แม้ว่าจะเป็นปัญหาที่มาในรูปแบบอสูรกายก็ตาม
แก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด รวดเร็ว และตรงประเด็น
การสั่งการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วเร่งด่วน เป็นสิ่งที่เห็นองค์ชายรัชทายาททำได้ดีในหลายครั้ง โดยเฉพาะกรณีการช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในค่าย และมีเหล่าซอมบี้ล้อมเอาไว้ทั่วทุกด้านของกำแพง
เมื่อปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพื่อความแข็งแรงและอยู่รอดของคนที่เหลือในค่าย องค์รัชทายาทได้วางแผนขนส่งเสบียงเข้าไปผ่านช่องทางระบายน้ำ มีการยิงคุ้มกันจากระยะไกล และในบริเวณที่ต้นไม้สูงบัง ก็ยังคิดใช้ว่าวในการช่วยระบุตำแหน่งของกองเสบียง
เป็นการแก้ปัญหาที่นำไปใช้ได้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ ช่วยยืดระยะเวลาชีวิตของคนในค่าย เพื่อรอเวลาให้องค์ชายกลับมาแก้ปัญหาหรือหาทางออกให้ได้ในระยะยาว
ไม่รอมชอมกับการประพฤติมิชอบ และการครอบครองอำนาจแบบผิดๆ
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาคลาสสิกที่มีมาช้านาน กระทั่งยุคโชซอนตามท้องเรื่อง ก็มีขั้วอำนาจสำคัญคือ ตระกูลแฮวอนโจ นำทีมโดยมหาอัครเสนาบดีโจฮักจู ซึ่งลูกสาววัยไม่ถึง 20 ปีของเขา ขึ้นเป็นราชินีเคียงคู่องค์กษัตริย์ แต่เธอก็ยังตกอยู่ใต้อำนาจของบิดา ทำหน้าที่เพียงสืบทอดสายเลือดของตระกูลให้คงอำนาจยาวนานไปรุ่นต่อรุ่น
องค์ชายรัชทายาทพยายามกวาดล้างตระกูลแฮวอนโจที่ครอบครองอำนาจแบบผิดๆ มองเห็นผลประโยชน์ของพวกตนเป็นที่ตั้ง ทั้งที่อำนาจและยศตำแหน่งเป็นเพียงเครื่องแบบเปลือกนอก
ดังเช่นในช่วงท้าย องค์รัชทายาทได้ประกาศต่อหน้าราชินีว่า “ที่ข้าต้องการให้ท่านลงจากตำแหน่งนั่นไม่ใช่เพราะท่านเป็นกลุ่มแฮวอนโจหรือข้าปรารถนามัน แต่เพราะผู้ครองตำแหน่งนั้นมีสิ่งพึงกระทำ ประชาชนเปรียบอาหารเป็นดั่งสวรรค์ และกษัตริย์เปรียบประชาชนเหล่านั้นเป็นดั่งสวรรค์เช่นกัน ท่านต้องไป เพราะเมินเฉยข้อปฏิบัตินั้น”
เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน การจัดการปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญที่สุด
เวลามีน้อย ยิ่งในสถานการณ์คับขัน คุณต้องจัดลำดับความสำคัญ และเลือกสั่งการสิ่งที่จำเป็นที่สุดก่อน
เมื่อได้รับข่าวว่า เกิดโรคระบาดอสูรกายที่ตำหนัก องค์รัชทายาทสั่งการเสียงดังทันที “ให้ปิดประตูใส่กลอนประตูวังทั้งหมด” การจำกัดปัญหาเอาไว้ในวงแคบ แม้วังจะเป็นศูนย์กลางของเมือง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้โรคระบาดแพร่ขยายไปไกลกว่านั้น
ขุนนางคนสำคัญถามองค์รัชทายาทว่า “ทำไมจึงเกิดการแพร่ระบาดในวังได้” ไม่เสียเวลาตอบคำถาม ทรงตรัสว่า “ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญ เราไม่มีเวลาแล้ว” จากนั้นจึงสั่งการทหารทุกนาย โดยไม่ต้องสนใจเรื่องยศศักดิ์ ให้จัดการซอมบี้โรคระบาดไม่ให้เหลือรอด
รู้จักเสียสละ
องค์รัชทายาทอีชาง แม้จะเป็นลูกนอกสมรส เพราะมารดาไม่ได้เป็นราชินี แต่เขาคือตัวเลือกแรกในการขึ้นครองบัลลังก์ หากกษัตริย์สิ้นพระชนม์ ขณะเดียวกัน องค์ราชินีได้ตั้งครรภ์ในช่วงที่กษัตริย์เริ่มเจ็บป่วย และหากราชินีคลอดลูกชายออกมา สิทธิ์ในการครองบัลลังก์จะตกเป็นของฝ่ายเธออย่างถูกต้องตามประเพณี ศึกสายเลือดจึงกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจตลอดสองซีซันของซีรีส์ Kingdom ว่าใครกันจะได้ครอบครองบัลลังก์ที่มีตำแหน่งว่างเพียงหนึ่งเดียว
หลายฉากหลายตอนเราได้เห็นการเสียสละขององค์ชายอีชาง ทั้งเนื้อสัตว์แห้งที่ยกให้กับเด็กๆ ที่หิวโหย ขนมหวานเครื่องเสวยที่ยกให้องครักษ์ หรือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ในตอนท้ายๆ ของเรื่อง
สุดท้าย การครอบครองบัลลังก์คือสิ่งสูงสุดแห่งอำนาจที่เขาต้องการ หรือหัวใจของการครองบัลลังก์คือหน้าที่คืนความสุขสมบูรณ์ให้ประชาชน ดังเช่นที่พระบิดาของเขาเคยกล่าวเอาไว้ “จงทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ว่า เจ้าแตกต่างจากคนพวกนั้น ว่าเจ้าแตกต่างจากข้า และพระราชาที่แท้จริงควรเป็นเช่นไร”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล