×

นิยามใหม่ของการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรกับ ‘BeDee’ แพลตฟอร์มสุขภาพที่สามารถสร้าง Healthcare Ecosystem ที่ครบครันที่สุดของไทย [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
24.10.2023
  • LOADING...
พ.ต. สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ

ยังจำการมาถึงของ Virtual Hospital หรือ โรงพยาบาลบนโลกออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยและแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยบริการครบวงจรเสมือนไปโรงพยาบาลจริงๆ ช่วงปี 2562 ที่มีการระบาดของโควิด-19 ได้หรือไม่ 

 

ข้อดีคือ ใช้บริการจากที่ไหน เมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่จำเป็นต้องพบปะกัน ลดการสัมผัสและติดเชื้อ 

 

แม้ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะเบาบางลง เราสามารถพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรักษาได้ตามปกติ แต่ Virtual Hospital หรือแม้แต่ Digital Health Platform ก็มีผู้ใช้บริการต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 

 

พ.ต. สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เฮลท์ พลาซ่า จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) บอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โควิด-19 เป็นจุดเปลี่ยนให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และการมาถึงของ Virtual Hospital ตอบสนองความต้องการการดูแลสุขภาพแบบทันท่วงทีของพวกเขาได้ ป่วยเมื่อไรต้องสามารถพบแพทย์ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งการป้องกันตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค  

 

พ.ต. สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ

 

“จุดเปลี่ยนสำคัญคือ พอคนได้ลองใช้บริการ ก็เริ่มมองเห็นข้อดี เริ่มเปิดใจ ส่งผลให้ Virtual Hospital และ Digital Health Platform จะเติบโตต่อเนื่องและถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ซึ่งการเกิดขึ้นของแอปพลิเคชัน BeDee จากเครือ BDMS คือตัวอย่างของแอปด้านสุขภาพที่ครบทั้ง Ecosystem เนื่องจากเราต้องการสร้างมาตรฐานการดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน นอกจากจะดูแลผู้ป่วย เรายังมุ่งเน้นดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ไม่ต้องรอให้ป่วยแล้วจึงมาหาหมอ” 

 

BeDee by BDMS

 

BDMS ใช้เวลาในการพัฒนาแอป BeDee เกือบ 1 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท พ.ต. สมิทธิ์ มองว่านี่เป็นเวลาที่ดีในการเปิดตัว BeDee เพราะหากมองตลาด Digital Healthcare ประเทศไทยยังอยู่ในช่วง ‘Growth and Establishment’ 

 

“คนไทยเริ่มเปิดใจยอมรับ Digital Health หลังจากได้ทดลองใช้และเห็นถึงข้อดี ไม่ว่าจะทดลองใช้ด้านการรักษาโรคหรือการอ่านผลตรวจออนไลน์ ขณะเดียวกันปัจจัยหลายอย่างที่ส่งเสริมกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นของแอปสุขภาพมากมาย ช่วยสร้าง Awareness หรือการสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านโครงการบัตรทองและสิทธิประกันสังคม”  


BeDee มีบริการอะไร ครบวงจรขนาดไหน?

 

เฟสแรก BeDee หยิบเอาอินไซต์ของตลาดสุขภาพ รวมถึงความต้องการของผู้ใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์มาพัฒนาเป็น 3 บริการหลัก จบ ครบ ทุกเรื่องสุขภาพในแอป ได้แก่ Teleconsultation, Telepharmacy และ Health Mall 

 

“บริการแรก ‘Teleconsultation’ เป็นบริการที่ดูแลและรักษาโดยบุคลากรทางการแพทย์ในเครือ BDMS เช่น นักกายภาพ เภสัชกร หรือจิตแพทย์ เรามั่นใจว่าบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญของเราจะมอบบริการและคำปรึกษาที่ตรงจุด ข้อดีคือ คุณสามารถใช้บริการที่ไหน เมื่อไรก็ได้ สะดวก ไม่ต้องเดินทาง”  

 

พ.ต. สมิทธิ์ บอกว่า หนึ่งในบริการที่ตอกย้ำการเป็น Healthcare Ecosystem ที่สมบูรณ์ภายใต้การบริการ Teleconsultation คือการทำงานร่วมกับ BDMS Wellness Clinic เพื่อให้การเข้าถึงการให้คำปรึกษาด้าน Wellness ง่ายยิ่งขึ้น 

 

“BeDee ไม่ได้ดูแลเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเท่านั้น แต่เราต้องการดูแลสุขภาพตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค ยกตัวอย่างการให้บริการด้าน Wellness ที่ได้ BDMS Wellness Clinic ซึ่งเป็นศูนย์ให้บริการที่ครบวงจร แต่ปัญหาคือผู้ใช้บริการไม่ค่อยรู้ เราจึงออกแพ็กเกจที่จะเริ่มให้บริการเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจ Mental & Sleep วิเคราะห์เชิงลึกทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อหาสาเหตุของความเครียดและนอนไม่หลับ โดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยา พร้อมโปรแกรมการรักษามากมาย เช่น Sleep Test, นวดบำบัด, ทำ IV Drip หรือโปรแกรมการ Personalized Supplement ของแต่ละบุคคล เพื่อช่วยให้เหมาะสมกับร่างกาย และ Wellness Program ในด้าน Weight and Nutrition Management โปรแกรมดูแลน้ำหนักและจัดเตรียมอาหารพร้อมส่งถึงบ้านทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีนักโภชนาการและแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล และแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จะมาเป็นตัวช่วยได้ กลุ่มสุดท้ายที่เราสนใจคือแม่และเด็ก เราจะมีแพ็กเกจ Mom and Childcare อัดแน่นโปรแกรมการดูแลคุณแม่หลังคลอด หรือคุณแม่มือใหม่ ทั้งด้านจิตใจ ให้คำปรึกษาเพื่อให้คุณแม่สามารถรับมือกับลูกน้อยได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์และพัฒนาการ”  

 

 

บริการต่อมาคือ ‘Telepharmacy’ ผู้ใช้บริการสามารถปรึกษาเรื่องยา สั่งซื้อยารักษาทั่วไป (Over-the-Counter Drugs) ยาที่มีใบสั่งยาจากแพทย์ หรือเติมยาที่ใช้อยู่ประจำในกรณีที่ยังไม่สะดวกไปโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่ม Caregiver ที่ไม่มีเวลาออกจากบ้าน โดยมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำ พร้อมบริการจัดส่งยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ถึงบ้าน 

 

“สุดท้ายคือ Health Mall ศูนย์รวมสินค้าทางการแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น วิตามิน อาหารเสริม เวชสำอาง และยังมีสินค้าเฉพาะสำหรับแต่ละกลุ่มโรค เช่น สินค้าสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ซึ่งสินค้าที่เรานำเข้ามาต้องผ่านการคัดสรรภายใต้มาตรฐาน BDMS ผู้ใช้งานยังสามารถปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อสินค้าได้ เช่น จะรับประทานอาหารเสริมอย่างไร วิธีการใช้เวชสำอาง ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับส่วนผสม หรืออุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยที่แพทย์แนะนำ 

 

“ทั้ง 3 บริการที่เราเลือกเปิดตัวในปีนี้ จะทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงและเข้าใจเรื่องสุขภาพได้ง่าย ยกตัวอย่าง ยาบางตัวร้านยาใกล้บ้านไม่มีจำหน่าย แทนที่จะต้องเสียเวลาวิ่งหาร้านยา ก็เปลี่ยนมาใช้บริการผ่าน Telepharmacy ของ BeDee ซึ่งมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำยาที่ถูกต้องพร้อมจัดส่งถึงบ้านได้ทุกเวลา แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มที่ดีนั้นจะต้องทำหน้าที่ได้อย่างตรงจุดภายในเวลาที่ถูกต้อง” พ.ต. สมิทธิ์ กล่าว  

 

ปีหน้า BeDee ยังวางแผนที่จะพัฒนาบริการเพิ่มเติมที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในต้นปี 2567 เช่น Health Check up บริการตรวจสุขภาพให้กับองค์กรต่างๆ ที่ต้องการตรวจสุขภาพพนักงาน พร้อมฟังผลกับหมอผ่านแอป เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ให้กับผู้ใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์ 

 

Health Content มุ่งพัฒนาข้อมูลด้านสุขภาพที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้กับผู้ใช้งาน เพื่อให้เป็น ‘ศูนย์กลางความรู้ด้านสุขภาพครบวงจร’ โดย BeDee Experts หรือทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และสุดท้ายคือ Health Package แพ็กเกจสุขภาพซึ่งรวมถึงแพ็กเกจด้าน Wellness จากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นดีลพิเศษจากทั้งในเครือ BDMS และนอกเครือ จะพร้อมให้ได้ใช้กันเร็วๆ นี้

 

“บริการใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตจะเป็นส่วนหนึ่งของ BeDee Ecosystem ที่จะเข้ามาเติมเต็มเรื่องสุขภาพให้กับคนไทยด้วยมาตรฐานระดับสูง” 


ความเชี่ยวชาญของพาร์ทเนอร์และพันธมิตรคือเครื่องมือที่ช่วยสร้าง Health Care Ecosystem ที่สมบูรณ์

 

Healthcare Ecosystem ที่สมบูรณ์ยังต้องประกอบไปด้วยพันธมิตรและพาร์ทเนอร์ แน่นอนว่าการมี BDMS เครือข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีมากถึง 58 แห่ง (ในประเทศไทย 56 แห่ง และอีก 2 แห่งในประเทศกัมพูชา) เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง Ecosystem ทั้งหมด BeDee ยังจับมือกับเครือข่ายด้านสุขภาพอีกมากมาย เช่น BDMS Wellness Clinic, ร้านขายยา SAVE DRUG, ศูนย์แล็บ N Health, CARIVA HealthTech สายสุขภาพ รวมถึงพันธมิตรที่กำลังมีโปรเจกต์ร่วมกัน เช่น Bangkok Airways และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 

 

BeDee network

 

“BDMS มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 51 ปี ในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบครบครันทั้ง Ecosystem ดังนั้น BeDee จะทำให้ทุก Journey ของ Healthcare Solution ครบ จบ ในแอปเดียว ที่สำคัญ BeDee ถูกพัฒนาและยกระดับเป็น Holistic Healthcare Platform แห่งแรกที่ดูแลแบบบูรณาการ ดูแลทุกคนตั้งแต่ผู้ป่วยไปจนถึงคนที่อยากใช้ชีวิตที่ส่งเสริมให้ตัวเองมีสุขภาพดีในทุกวัน หรือที่เรียกว่า Live with Wellness

 

“นอกจากหลังบ้านที่แข็งแรงแล้ว พาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่เราทำงานด้วยจะช่วยเสริมให้ BeDee เป็นแอปสุขภาพของไทยที่ครบวงจรอย่างแท้จริง อย่างเรื่อง Preventive เราทำงานร่วมกับ BDMS Wellness Clinic อย่างที่เล่าไป และตอนนี้มีแผนที่จะทำงานกับ Bangkok Airways เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว เน้นไปที่การดูแลสุขภาพนักท่องเที่ยวให้แข็งแรงตลอดการเดินทาง โดยนักท่องเที่ยวสามารถปรึกษาอาการป่วยกับทีมแพทย์บนแอปได้ รองรับการใช้งานภาษาอังกฤษ และยังมีแพ็กเกจสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ นอกจากนั้นเรายังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อโปรโมตโครงการที่ชื่อว่า Care Your Mind ความตั้งใจของโครงการนี้คือการดูแลนักศึกษาที่มีความเครียดจากการเรียนหรือปัญหาวัยรุ่นอื่นๆ ก็สามารถเข้ารับบริการได้ฟรีถึงสิ้นปี 2566 เพียงกรอกโค้ด CYMUNI” 

 

พ.ต. สมิทธิ์ ยกตัวอย่างการเสนอโซลูชันร่วมกับองค์กรต่างๆ ผ่านการออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีให้กับพนักงานในเครือ อย่าง ปตท.สผ. เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่ม B2B ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ BeDee วางไว้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่มากไปกว่านั้น เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงจุดเด่นของแอปที่สามารถ Personalization เพื่อหาโซลูชันที่เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกันของผู้ใช้บริการ รวมไปถึงการทำ Personalization ในระดับองค์กร

 

“จริงๆ เราเริ่มทดลองกับบุคลากรในเครือโรงพยาบาลก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเราตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจ B2B ได้ จากนั้นก็เริ่มทำงานกับ ปตท.สผ. และปีหน้าจะมีพาร์ทเนอร์องค์กรเพิ่มมากขึ้น เรามองว่าการทำ Personalization ในระดับองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ เพราะองค์กรที่มีรูปแบบธุรกิจต่างกัน พนักงานในองค์กรย่อมต้องการการดูแลที่ต่างไป เช่น พนักงานโรงงานอาจต้องดูแลเรื่องสมรรถนะร่างกาย ความปลอดภัยของร่างกาย ในขณะที่ออฟฟิศทั่วไป อาจมีภาวะเครียดสะสมหรือกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม”  

 

กลุ่มเป้าหมายและแผนการขยายตลาดในอนาคต 

 

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ BeDee วางไว้แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

 

  1. กลุ่มผู้ใช้งานหลัก เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการทั่วไป มีไข้ เป็นหวัด หรือกลุ่มผู้ป่วยโรคเฉพาะทาง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคทางจิตเวช ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคนวัยทำงานที่อาศัยอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ มีการใช้แอปในชีวิตประจำวัน รวมถึงผู้ป่วยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล (Discharge) ที่ใช้บริการในลักษณะการ Follow up ติดตามอาการ หรือสั่งซื้อยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น
  2. กลุ่มคนที่สนใจด้าน Wellness ทุกเพศ ทุกวัย ชื่นชอบการอ่านบทความด้านสุขภาพเพื่อหาข้อมูล มีพฤติกรรมการซื้อ Wellness Package สินค้าสุขภาพ และแพ็กเกจตรวจสุขภาพ
  3. กลุ่มผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่บ้าน หรือกลุ่ม ‘Caregiver’

 

“กลุ่มสุดท้ายจะสามารถใช้งาน BeDee เป็นเสมือนผู้ช่วยของเขา ไม่ว่าจะปรึกษาแนวทางการรักษา ปรึกษาเภสัชกร หรือซื้อยาและอุปกรณ์ที่ใช้เป็นประจำ เราวางสัดส่วนผู้ใช้งานกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 10% ในขณะที่กลุ่มคนที่สนใจ Wellness มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี เราจึงให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้ประมาณ 40% ส่วนกลุ่มผู้ใช้งานหลักเราวางสัดส่วนไว้ที่ 50%”

 

พ.ต. สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ

 

พ.ต. สมิทธิ์ เผยว่าปีนี้ต้องการให้ BeDee เป็นแพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพที่ครบวงจรในประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าปีหน้าปักธงไทยที่ต่างแดน “เราตระหนักว่าทุกประเทศกำลังสนใจเทรนด์ Telemedicine เมื่อเราทำแพลตฟอร์มให้พร้อมที่จะให้บริการเต็มรูปแบบ ครบวงจร ก็เตรียมขยายการให้บริการสู่ประเทศในแถบเอเชีย โดยจะเริ่มจากประเทศที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลในเครือ BDMS อย่างประเทศกัมพูชา ตอนนี้เราเริ่มเตรียมการบางส่วนแล้ว เช่น ทำเว็บไซต์ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ, จด Trademark และเริ่มหาพาร์ทเนอร์โรงพยาบาลในต่างประเทศด้วยเช่นกัน

 

“ผมว่าจุดแข็งสุดท้ายของ BeDee ที่ต้องยกเครดิตให้คือทีมงานของ BeDee ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ของพาร์ทเนอร์ สามารถสร้างโมดูลต่างๆ เพื่อเติมเต็มบริการด้านสุขภาพกับพาร์ทเนอร์ได้อย่างง่ายดาย และ Customize โปรแกรมสุขภาพต่างๆ ได้

 

“การสร้าง BeDee ให้เป็น Holistic Healthcare Platform ที่ดูแลแบบบูรณาการ มี Ecosystem ด้านสุขภาพที่คนไทยเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ต้องใช้ความร่วมมือจากทีมงาน พาร์ทเนอร์ และพันธมิตร ผมเชื่อมั่นว่า BeDee จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการว่าจะได้รับบริการด้านสุขภาพจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสูง ได้รับคำปรึกษาที่รวดเร็วและสะดวกขึ้น ฝั่งโรงพยาบาลเอง BeDee จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย และในช่วงเปิดตัว BeDee ได้เตรียมโปรโมชันมากมายเพื่อเพิ่มการทดลองใช้ ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาเรื่องสุขภาพกับพยาบาลเบื้องต้นฟรี ส่วนลด 100 บาท ที่สามารถใช้ได้ทั้งแอปเพียงกรอก BDPR02 ตั้งแต่วันนี้ – สิ้นปี 2566 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.BeDee.com” พ.ต. สมิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย 

 

โหลดแอปที่ > link

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising