ข่าวคราวที่ครึกโครมที่สุดของวงการตลาดหุ้นในตอนนี้คือ การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นของ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เจ้าของแบรนด์ค้าปลีกเครื่องสำอาง Beauty Buffet และ Beauty Cottage โดยราคาหุ้นตกต่ำต่อเนื่องตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ราคาวันนี้ (6 กรกฎาคม) เปิดตลาดที่ 6.90 บาท จนเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เกิดกระแสข่าวว่าทางบริษัทตัดสินใจจะซื้อหุ้นคืน จนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของ BEAUTY ในเวลา 11.42 น. ขึ้นเครื่องหมาย H (Halt) เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน
จากนั้นเวลา 12.56 น. ทาง BEAUTY แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะจัดประชุมบอร์ดบริษัทเพื่อขออนุมัติซื้อหุ้นคืนในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ โดยยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องจำนวนหุ้น ราคา และวงเงินในการซื้อคืน จากนั้นทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงปลดเครื่องหมาย H ออก และเปิดซื้อขายหุ้นได้ตามปกติ
ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต่างวิจารณ์กันทั้งตลาด ทั้งเรื่องการให้สัมภาษณ์ของ นพ. สุวิน ไกรภูเบศ ซีอีโอของบริษัท ที่ตอบข้อซักถามข่าวลือที่มีต่อสินค้าและการดำเนินธุรกิจ จากกรณีที่งบการเงินในปีนี้ไม่เป็นไปตามที่คาด และจุดสำคัญที่เชื่อว่ามีผลต่อเรื่องหุ้นตกคือ การประกาศไม่ซื้อหุ้นคืนก่อนหน้านี้ จึงทำให้นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยกังวลต่อความไม่แน่นอน ท้ายที่สุด BEAUTY ก็ต้องออกมาแตะเบรก กู้สถานการณ์เดินหน้าซื้อหุ้นคืน เพื่อสร้างความชัดเจน
สำหรับหุ้นของ BEAUTY เคยเป็นหุ้นดาวรุ่งที่เติบโตต่อเนื่อง (Growth Stock) ราคาในเดือนมกราคม 2560 ยังอยู่ที่ 11.10 บาทต่อหุ้น จากนั้นราคาก็ถีบตัวต่อเนื่องจนแตะจุดสูงสุดที่ 23.30 บาทต่อหุ้น ในต้นเดือนเมษายน 2561 จนบางโบรกเกอร์ยังประเมินเอาไว้ด้วยซ้ำว่าจะไปได้ถึง 25 บาทต่อหุ้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในวงการเครื่องสำอางช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับกระแสข่าวด้านลบ ทำให้นักลงทุนพากันเทขายตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยวันที่ 16 พฤษภาคม ราคาหุ้นลงมาที่ 19.40 บาทต่อหุ้น และลงต่อเนื่องจนวันที่ 4 กรกฎาคม ราคาปิดที่ 9.10 บาทต่อหุ้น และวันที่ 5 กรกฎาคม ปิดตลาดที่ 7.20 บาทต่อหุ้น
ล่าสุดปิดตลาดวันนี้ (6 กรกฎาคม) ที่ราคา 8 บาทต่อหุ้น หากเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดที่หุ้น BEAUTY เคยไปถึง ถือว่าลงมากว่า 65.6%