ตามปกติจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเวลาได้ยินว่าจะมีการ ‘รีเมก’ ภาพยนตร์ที่เราเคยชอบมากๆ เป็นเวอร์ชันใหม่ เพราะความคาดหวังจากเวอร์ชันก่อนหน้าทำให้เรามักจะพบกับความผิดหวังในเวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะการรีเมกข้ามประเทศที่วัฒนธรรมแตกต่างกันมากๆ แต่นั่นไม่ใช่กับเรื่อง Be With You ที่ผู้กำกับอย่าง อีจางฮุน เลือกที่จะท้าทายความเชื่อนั้นด้วยการหยิบหนังคลาสสิกประจำฤดูฝนของประเทศญี่ปุ่น (กำกับโดย โนบุฮิโระ โดอิ) มาตีความใหม่ในแบบของตัวเอง
เส้นเรื่องหลักยังคงเหมือนเวอร์ชันเดิมทุกอย่างคือเล่าเรื่องของ วูจิน (รับบทโดย โซจีซบ) และ จีโฮ (รับบทโดย คิมจีฮวาน) สองพ่อลูกที่สูญเสีย ซูอา (รับบทโดย ซนเยจิน) แม่และภรรยาไปในฤดูฝน โดยทิ้งคำสัญญาไว้ว่าเธอจะกลับมาหาพวกเขาเมื่อหยาดฝนในฤดูกาลหน้าร่วงหล่นมาอีกครั้ง และซูอาก็ทำตามคำสัญญานั้น เพียงแต่ครั้งนี้เธอทำความทรงจำหล่นหายไประหว่างทาง ทำให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงน้อยนิดเพื่อบ่มเพาะความรักที่แสนอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะจากพวกเขาไปตลอดกาล
คนที่ควรได้รับเครดิตในเรื่องนี้ไปเต็มๆ คือผู้กำกับอย่างอีจางฮุน ถึงแม้จะเป็นผลงานเรื่องแรก แต่เขาทำการบ้านมาเป็นอย่างดี สามารถรักษาจุดแข็งของเส้นเรื่องเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันเขาก็ฉลาดพอที่จะเพิ่มรายละเอียดใหม่ๆ เพื่อสร้างสีสันและทำให้มนต์รักฤดูฝนในครั้งนี้คือภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การคัดลอกสิ่งเก่าเพื่อนำเสนอบนภาชนะใหม่อย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่เราเคยประทับใจมากๆ ใน Be With You เวอร์ชันญี่ปุ่นคือบรรยากาศการเล่าเรื่องเนิบช้า ให้เวลาคนดูเก็บรายละเอียดในแต่ละฉากให้นานที่สุด ทำให้เราอินไปกับความผูกพันของทั้ง 3 คนได้อย่างเต็มอิ่ม ซึ่งตอนนั้นทำรู้สึกว่านี่คือวิธีการเล่าเรื่องที่สมบูรณ์แบบและเข้ากับสายน้ำไหลเอื่อยในฤดูฝนได้ดีที่สุดแล้ว แต่คงเป็นเรื่องยากมากถ้าเวอร์ชันนี้เลือกแนวทางแบบเดิมและพยายามทำให้ดีขึ้นกว่านั้น
ใน Be With You เวอร์ชันเกาหลีจึงเลือกเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่กระชับ รวดเร็ว และนำเวลาที่เหลือไปเพิ่มรายละเอียดระหว่างทางแทน ทำให้เราได้เห็นแอนิเมชันแม่เพนกวินที่เฝ้ามองลูกน้อยอยู่ไกลๆ จาก ‘เมืองเมฆ’ ตอนเปิดเรื่อง (ทำได้น่ารักมาก) ได้เห็นจุดเริ่มต้นความรักของทั้งสองคนที่ลำบากลำบน (แต่สนุกและน่ารัก) กว่าเดิม ได้เห็นชีวิตการทำงานของคนเป็นพ่อมากขึ้น ได้เห็นฉากสนุกๆ ระหว่างแม่กับลูกในช่วงกลับมาเจอกันใหม่ๆ ได้เห็นฉากจีบกันอีกครั้งของพ่อและแม่ ซึ่งฉากใช้กล้องส่องทางไกลนั่งดูหนังด้วยกันก็ทำได้น่ารัก เรียกรอยยิ้มจากคนดูได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือทำให้เราได้เห็นฉากในโรงเรียนที่ยกให้เป็นจุดไคลแม็กซ์ที่สุดในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมา
อย่างที่สองคือโทนเรื่องในเวอร์ชันญี่ปุ่นจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์อบอุ่น กินใจ ซาบซึ้ง โรแมนติกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกชวนง่วงได้สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการดูหนังประเภทนี้มาก่อน แต่ในเวอร์ชันเกาหลีได้เลือกความคอเมดี้เข้ามาเพิ่มสีสันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราได้เห็นมุมตลกบ้าๆ บอๆ ของตัวละครทุกตัวเพิ่มขึ้น และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เรารักและผูกพันกับตัวละครได้ไม่แพ้เวอร์ชันเดิมที่ทำเอาไว้
โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวละครจากคุณหมอที่คอยดูแลอาการพระเอกอย่างใกล้ชิดมาเป็น ฮองกู (รับบทโดย โกชางซุก) เพื่อนสนิทที่อยู่กับวูจินมาตั้งแต่เด็กที่เป็นตัวขโมยซีนเพิ่มสีสันและเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัว และยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยเหลือชีวิตรักในวัยเด็กของวูจินและซูอาได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของนักแสดงนำ เรารู้สึกว่าเป็นเพอร์เฟกต์แคสต์ทั้งสองเวอร์ชัน เวอร์ชันญี่ปุ่นที่เลือก ชิโดะ นากามูระ, ยูโกะ ทาเคอุชิ และหนูน้อยอากาชิ ทาเคอิ มารับบทนำเพื่อแสดงถึงครอบครัวที่ ‘ธรรมดา’ มากๆ ทั้งการแสดงออกช้าๆ น้อยๆ เล่นไม่ต้องใหญ่ ทำให้เรารู้สึกได้ว่านี่คือครอบครัวหนึ่งที่รักกันมากๆ และมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ
ชิโดะ นากามูระ และยูโกะ ทาเคอุชิ จาก Be With You เวอร์ชันญี่ปุ่น
ส่วนเวอร์ชันเกาหลีก็เป็นเพอร์เฟกต์แคสต์อีกแบบที่เลือกใช้นักแสดงทั้งโซจีซบและซนเยจินที่ทั้งหล่อ สวย มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยออร่าคู่พระนางที่ชัดมาก การแสดงออกก็ตรงข้ามกับเวอร์ชันเก่า เพราะผู้กำกับเลือกให้ทั้งสองคนออกแอ็กชันทั้งสีหน้าและการกระทำออกมาแบบชัดเจน ซึ่งอาจชัดเจนจนเสียเปรียบนักแสดงฝั่งญี่ปุ่นตรงที่ความสมจริงอาจลดไปบ้าง แต่คู่นี้ก็ได้ในเรื่องสีสัน ครบรส ทั้งตลกและโรแมนติกมาทดแทน
รวมทั้งตัวละครลูกอย่าง จีโฮ ที่ถูกเพิ่มบทบาทเข้ามาเยอะมาก จากเวอร์ชันเก่าที่เน้นน้ำหนักไปที่พ่อกับแม่เป็นหลัก แต่เวอร์ชันนี้จีโฮกลายเป็นลูกที่ฉลาด ตลก น่ารัก เป็นคนดำเนินเรื่องหลักในหลายๆ ฉาก และบางฉากถือว่าคิมจีฮวานที่รับบทนี้คือคน ‘แบก’ เรื่องแทนที่นักแสดงรุ่นใหญ่อย่างโซจีซบและซนเยจินด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะฉากในงานโรงเรียนที่เรานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าต้องเป็นคนจิตใจเข้มแข็งขนาดไหนถึงจะไม่เสียน้ำตาให้กับฉากนี้
อีกหนึ่งเรื่องที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของสองเวอร์ชัน ในเวอร์ชันญี่ปุ่นเราจะมีช่วงได้พักหัวใจรอให้น้ำตาแห้งอยู่บ้างในช่วงท้ายๆ ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นที่เน้นให้บรรยากาศช่วยเล่าเรื่องมากกว่าซีนอารมณ์ แต่เวอร์ชันเกาหลีไม่ใช่แบบนั้น เพราะผู้กำกับเลือกที่จะ ‘ขยี้’ อารมณ์คนดูให้เศร้า ซึ้งไปจนถึงที่สุด บทจะสนุกก็สนุกใจหาย แต่พอถึงฉากที่ต้องซึ้งก็ขยี้อารมณ์จนเราหายใจแทบไม่ทัน โดยเฉพาะตอนจบที่เชื่อว่าสาวๆ หลายคนน่าจะยิ่งต้องเสียน้ำตาเป็นหยาดฝนให้กับการแสดงของโซจีซบอย่างแน่นอน
ถึงจะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก แต่ผู้กำกับก็ยังมีหลายฉากที่เป็นการแสดงความเคารพเวอร์ชันต้นฉบับไว้มากพอสมควร ทั้งฉากพระเอกปั่นจักรยานแล้วโดนนักเรียนหญิงแซง ฉากถ่ายวิดีโอเก็บใบโคลเวอร์ที่เหมือนกันทั้งมุมกล้องและฉากหลัง ฉากทอดไข่ดาวกับซอสมะเขือเทศ ฉากบอกความลับของเด็กหนุ่ม ฉากกุมมือกันในกระเป๋าเสื้อ ฯลฯ ที่ทำให้แฟนๆ เวอร์ชันเก่าหายคิดถึง
ตามปกติเวลาเขียนรีวิวภาพยนตร์ที่เป็นเวอร์ชันรีเมก เราจะบอกอยู่เสมอว่าควรวางความคาดหวังหรือภาพประทับใจของเวอร์ชันเก่าเอาไว้ก่อนเดินเข้าโรงภาพยนตร์ แต่ครั้งนี้เราพอจะพูดได้ว่าไม่ว่าคุณจะเคยเสียน้ำตาให้เวอร์ชันเก่ามามากเท่าไร คุณจะต้องเสียน้ำตาแบบนั้นอีกครั้งกับ Be With You เวอร์ชันนี้อย่างแน่นอน
- Be With You (2018) จะเข้าฉายที่ประเทศไทยในวันที่ 21 มิถุนายนนี้
- Be With You (2004) ทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งหมด 46.6 ล้านเหรียญสหรัฐ