×

BCP – ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นหลังจากเข้าซื้อ ESSO

05.09.2023
  • LOADING...
BCP

เกิดอะไรขึ้น:

บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน หลังจากโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ด้วยการชำระค่าหุ้น 65.99% ของ ESSO รวมเป็นเงิน 2.26 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของ ESSO จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ถึง 12 ตุลาคม ในราคาเสนอซื้อที่ 9.8986 บาทต่อหุ้น เท่ากับราคาเข้าซื้อของ BCP 

 

ผู้บริหารยืนยันมูลค่า Synergy จากการเข้าซื้อกิจการ ESSO ขั้นต่ำที่ 3 พันล้านบาท ต่อปี ซึ่งจะรับรู้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป แต่จะถูกลดทอนลงบางส่วน โดยค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการที่มีต่อเนื่องมาจากปี 2566 ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะเกิดจากการประหยัดต้นทุนขององค์กรได้ หลังจากไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับ Shared Service จาก Exxon 

 

นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นที่ ESSO จะทำให้การดำเนินงานโรงกลั่นปรับตัวดีขึ้นด้วย ผู้บริหารมั่นใจว่า Operation Team จะทำให้โรงกลั่นของ ESSO ดำเนินงานได้เต็มศักยภาพที่กำลังการผลิตติดตั้ง 174kbd

 

ด้านปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นของ ESSO จะปรับเพิ่มขึ้น โดย BCP กำลังดำเนินการร่วมกับ ESSO เพื่อปรับปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่นที่ ESSO ให้เหมาะสมที่สุดเพื่อเติมเต็ม Gap ที่ BCP เนื่องจากโรงกลั่นของ BCP ใช้กำลังการผลิตสูงสุดที่ 120kbd ในขณะที่ปริมาณการขายอยู่ที่ 140-150kbd ดังนั้นผู้บริหารจึงวางแผนเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่ ESSO จาก 130kbd เป็น 160kbd ภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมธุรกิจการตลาดของ BCP ต่อไปในอนาคต ปัจจุบันโรงกลั่นทั้งสองแห่งใช้ Linear Program (LP Model) แยกกันในปัจจุบัน แต่กำลังดำเนินการปรับใช้แบบคู่ขนานเป็น Single LP Model 

 

ส่วนการรีแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน ESSO ใช้เวลา 2 ปี ซึ่ง BCP จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรีแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน ESSO จำนวน 830 แห่ง โดยจะปิดสถานีที่ทับซ้อนกันเพียงไม่กี่แห่ง ผู้บริหารมองว่าสถานีบริการน้ำมันของ ESSO จะช่วยเสริมธุรกิจการตลาดของ BCP โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจำนวนสถานีบริการน้ำมันของ BCP ยังมีน้อยกว่าคู่แข่งค่อนข้างมาก

 

ทั้งนี้ ผู้บริหารยังคงมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ BCP โดยตั้งเป้า EBITDA ที่ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจาก 4.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 โดยมี ESSO เป็นปัจจัยใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ BCP เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ BCP จะไม่สูงเกิน 1.3 เท่า 

 

หากเข้าซื้อหุ้น ESSO ทั้งหมดภายหลังการทำคำเสนอซื้อ บริษัทวางแผนใช้แหล่งเงินทุน 48% ในการทำธุรกรรมนี้จากเงินสด และที่เหลือจะใช้เงินกู้จากธนาคาร ที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.3 เท่า BCP ยังสามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCP ปรับเพิ่มขึ้น 3.33%MoM สู่ระดับ 38.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.08%MoM สู่ระดับ 1,561.51 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ของ BCP เพิ่มขึ้น 27% เพื่อสะท้อนกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และไม่ใช่เงินสดจากการต่อรองราคาซื้อจำนวน 5 พันล้านบาท (ก่อนหักภาษี) ใน 3Q66 ตามข้อมูลที่ได้จากผู้บริหาร และการรวมผลการดำเนินงานของ ESSO เข้ามา 1 ไตรมาส การหยุดโรงกลั่นของ ESSO ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566 เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่สำหรับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 กับโรงกลั่นเดิม จะทำให้ BCP รับรู้กำไรของ ESSO เพียงเล็กน้อยใน 3Q66 

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ใน 3Q66 โดยได้รับการสนับสนุนจาก GRM และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรระยะยาวของ BCP โดยมี ESSO เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่สำหรับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ BCP ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 44 บาท สู่ 51 บาทต่อหุ้น (สิ้นปี 2567) เพื่อสะท้อนมูลค่าส่วนเพิ่มจากการถือหุ้น 65.99% ใน ESSO

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต๊อกเพิ่มขึ้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลเข้าแทรกแซงเพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

...
X
...
Close Advertising