เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research คาดว่า บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q66 และปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยกระตุ้นดังนี้
- Credit Cost มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ในการประชุมนักวิเคราะห์ BBL ยืนยันว่า Credit Cost จะลดลง QoQ ใน 4Q66 หลังจากเร่งตั้ง ECL เพิ่มใน 9M66 BBL กล่าวว่า Credit Cost ปี 2566 จะอยู่ที่ราว 1.1-1.2% (เทียบกับ 1.30% ใน 9M66) ด้วย LLR Coverage สูงมากที่ 283% ณ 3Q66 BBL จึงตั้งเป้าที่จะคง Credit Cost ไว้ที่ระดับไม่เกิน 1% ในปี 2567
- NIM จะทำจุดสูงสุดใน 4Q66 BBL คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 ดังนั้นจึงคาดว่า NIM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกสู่ระดับสูงสุดใน 4Q66 และคาดว่า BBL จะรักษา NIM ไว้ที่ระดับสูงสุดในปี 2567 แต่ NIM จะขยายตัวน้อยลงที่ 17 bps ในปี 2567 จาก 59 bps ในปี 2566
- การเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นใน 4Q66 และปี 2567 เมื่อพิจารณาจากการเบิกเงินกู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น BBL คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 จะอยู่ที่ราว 4% (เทียบกับ 1.5%YTD ใน 9M66) โดยจะเร่งตัวขึ้นอย่างมากใน 4Q66 จากความต้องการสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากบริษัทขนาดใหญ่ นอกจากนี้ธนาคารยังคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะฟื้นตัวในปี 2567 BBL อยู่ในสถานะดีที่สุดที่จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานธุรกิจมายังอาเซียน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BBL ปรับลง 5.07%MoM อยู่ที่ระดับ 159.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 5.14%MoM อยู่ที่ระดับ 1,395.85 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดการณ์ในเบื้องต้นว่ากำไร 4Q66 จะเพิ่มขึ้น 65%YoY (NII สูงขึ้น, ECL ลดลง) และ 10%QoQ (ตั้งสำรองลดลง, NII สูงขึ้น) และคาดว่ากำไรจะเติบโต 14% ในปี 2567 (ชะลอตัวลงจาก 55% ในปี 2566)
โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นสู่ 5% ในปี 2567 จาก 4% ในปี 2566 NIM ที่ขยายตัว 17 bps (เทียบกับ 59 bps ในปี 2566) Credit Cost ที่ลดลง 10 bps (เทียบกับ -4 bps ในปี 2566) Non-NII ที่ลดลง 4% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง (เทียบกับ +3% ในปี 2566 หลักๆ เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงสู่ 46.7% ในปี 2567 จาก 47.2% ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจาก OPEX ที่เติบโตลดน้อยลงหลังจากรับรู้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในปี 2566
กลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 210 บาทต่อหุ้น (PBV 0.7 เท่า หรือ PE 7.75 เท่า สำหรับปี 2567) โดยได้รับการสนับสนุนจากแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และ Valuation ถูกที่ PBV 0.5 เท่า และ PE 5.9 เท่า สำหรับปี 2567
สำหรับความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาด เนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง