วันนี้ (14 กรกฎาคม) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีคลินิกเสริมความงาม ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ ร้านสัก ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถเปิดได้หรือไม่ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ได้กล่าวว่า ขอขยายความจากมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) ซึ่งขอเน้นย้ำว่า ประกาศดังกล่าวหมายความรวมถึง 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ แต่ในส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4 จังหวัดของภาคใต้ไม่ได้รวมอยู่ในหลักการดังกล่าว
โดยขอแบ่งเป็นกิจการภายในห้างสรรพสินค้าและนอกห้างสรรพสินค้า ดังนี้
กิจการที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกันดังต่อไปนี้จะต้องปิดให้บริการ
- ร้าน/แผนกหนังสือ แว่นตา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน เครื่องครัว อุปกรณ์กีฬา เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ อาหารเสริม ร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์ คลินิกรักษาสัตว์
- สถานเสริมความงาม ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านสักเจาะผิวหนัง ร้านทำเล็บ
- คลินิกทันตกรรม คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม
- ร้านให้บริการล้างรถ
- ร้านซักรีด
เนื่องจากตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคว่าเพื่อไม่ให้เกิดการรวมตัวของคนจำนวนมากในพื้นที่ปิด เน้นย้ำว่าในห้างสรรพสินค้าเปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ยารักษาโรค อุปกรณ์สื่อสารเพื่อความจำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคลินิกทันตกรรม รักษาผู้มีบุตรยาก เวชกรรมเสริมความงามเหล่านี้ หากเปิดอยู่นอกห้างสรรพสินค้า ขอให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัด หากจังหวัดไหนพิจารณาว่าสามารถเปิดดำเนินการได้ขอให้ฟังประกาศของจังหวัดที่ตั้งอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำว่าหากมีการเปิดดำเนินการ แต่มีการรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้ที่จังหวัดนั้นก็อาจจะมีการพิจารณาสั่งปิดในโอกาสต่อไป และผู้ช่วยโฆษก ศบค. ขอขอบคุณหากมีการให้ความร่วมมือ มีผู้ประกอบการที่ปิดกิจการชั่วคราวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดครั้งนี้