×

ธปท. ชี้ เศรษฐกิจไทยเดือน มี.ค. แย่ลงเกือบทุกด้าน จำนวนนักท่องเที่ยวหดตัว 76.4%

30.04.2020
  • LOADING...

วันนี้ (30 เมษายน) ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2563 หดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เป็นผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นในทุกด้าน ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่แย่ลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยลดลงเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการส่งออก มีเพียงการนำเข้าและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังขยายตัว ซึ่งการใช้จ่ายของภาครัฐขยายตัวจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2563 

 

“ภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรง หลังหลายประเทศรวมถึงไทยประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ด้านการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าและราคาน้ำมัน”



ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม 2563 มีรายละเอียดดังนี้

  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวรุนแรงที่ 76.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นการหดตัวสูงในทุกสัญชาติจากผลของการประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศ รวมถึงไทย เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดลงมากส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร 
  • มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัว 2.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมการส่งออกทองคำที่มูลค่าการส่งออกหดตัวที่ 6.5% ซึ่งหดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเป็นการหดตัวในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและอุปกรณ์ และสินค้ากลุ่มที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าลดลงมาก ประกอบกับราคาส่งออกหดตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดสินค้ายังขยายตัวได้  เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้า  
  • เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนตามการใช้จ่ายในเกือบทุกหมวด จากปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลงทั้งในด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมทั้งเป็นผลจากมาตรการควบคุมและความกังวลต่อโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้การเดินทางและการใช้จ่ายนอกบ้านลดลง โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้ ทั้งนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง 
  • เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน จากการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์และหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่องตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น 
  • มูลค่าการนำเข้าสินค้ากลับมาขยายตัว 4.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่หดตัวสูงในเดือนก่อนหน้า หากไม่รวมการนำเข้าทองคำที่มูลค่าการนำเข้าขยายตัวที่ 1.3% ตามการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีนจากการผ่อนคลายมาตรการการปิดเมือง ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าบางกลุ่มกลับมาขยายตัว ประกอบกับการนำเข้าน้ำมันดิบขยายตัวตามคำสั่งซื้อที่ตกลงไว้ก่อนการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนยังคงหดตัว สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ  
  • การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนกลับมา ขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตามการทยอยเบิกจ่ายภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2563 เป็นหลัก โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร ขณะที่รายจ่ายลงทุนขยายตัวจากการเบิกจ่ายทั้งในส่วนของรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ  
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่เป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่ตลาดแรงงานเปราะบางเพิ่มขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงจากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก 
  • ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

 

ทั้งนี้ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่แย่ลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 จากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่หดตัวสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดยังคงเป็นบวก แต่ปรับลดลงจากเดือนก่อน ด้านตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงตามดุลการค้าที่ลดลงจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น และรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หดตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising