วันนี้ (1 มิถุนายน) ผู้สื่อข่าวรายงานค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.74 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นกว่า 2% จากช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 32.30-32.49 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน เมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วกว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ของไทยดีกว่าอีกหลายประเทศ ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ (ติดลบน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์) ซึ่ง ธปท. กังวลว่าการแข็งค่าเร็วของเงินบาทอาจไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ยังเปราะบาง หลายภาคเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 2 ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีส่วนสร้างแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่ง ธปท. จะตรวจสอบการทำธุรกรรมของกลุ่มผู้ค้าทองคำให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
แนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ในไทยและภูมิภาคที่ปรับดีขึ้น อาจทำให้ค่าเงินสกุลเอเชียและเงินบาทเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนบางกลุ่มที่ใช้ไทยเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท. ไม่พึงประสงค์ และ ธปท. พร้อมพิจารณาใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อไม่ให้การแข็งค่าของเงินบาทซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ในช่วงต่อไปสถานการณ์โควิด-19 และสภาวะตลาดการเงินโลกจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับจะมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทางตรงของทั้งภาครัฐและเอกชน ที่อาจทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวกลับทิศได้ในบางช่วง ธปท. จึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีธุรกรรมเงินตราต่างประเทศป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อรับมือกับความผันผวนจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาททั้ง 2 ทิศทางในระยะข้างหน้า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์