การเสนอขายตราสารเงินกองทุนชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทด้อยสิทธิ และไม่มีประกัน ไม่มีผู้แทนผู้ถือตราสารเงินกองทุน อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2575 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3-16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยมูลค่าที่เสนอขายได้รวมทั้งสิ้น 16,540 ล้านบาท
แน่นอนว่าปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่มีต่อผู้ออกตราสารและตัวตราสารเงินกองทุนที่ออกเสนอขาย ซึ่งตราสารเงินกองทุนของกรุงศรี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA(tha) จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้ม ‘มีเสถียรภาพ’ ประกาศเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565
เรียกว่านี่คือกระจกสะท้อนความแข็งแกร่งของกรุงศรี ในฐานะกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในระบบเศรษฐกิจไทย จากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ส่งผลให้กรุงศรีสามารถผงาดขึ้นเทียมบ่าเทียมไหล่กับสถาบันการเงินที่มั่นคงที่สุดของประเทศได้
โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 กรุงศรีมีสินเชื่อรวม 1.97 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.71 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.59 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ที่ 297.13 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.62% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.99%
เมื่อมองไปที่ผลประกอบการก็จะเห็นภาพความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น โดยกรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 2.332 หมื่นล้านบาท เติบโต 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.44% จาก 3.23% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการบริหารจัดการโครงสร้างและต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของธนาคาร
ความแข็งแกร่งของกรุงศรียังมาจากเป็นสถาบันการเงินในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟ เจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,400 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
เครือข่ายดังกล่าวนอกจากจะมีความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางการเงินแล้ว กรุงศรีและ MUFG ยังร่วมกันเดินหน้าเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้า ด้วยการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน และบริการเสริมศักยภาพทางธุรกิจครบวงจร เพื่อสร้างฐานเวทีใหม่ในระดับภูมิภาคหรือระดับโลกให้กับธุรกิจของลูกค้า ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของธุรกิจภายในประเทศของกรุงศรี เข้ากับความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายระหว่างประเทศของ MUFG เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ
กรุงศรีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG เพื่อส่งเสริมการเติบโตของตลาดการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทย
โดยได้เตรียมแนวทางและผลิตภัณฑ์ด้านสังคม (Social) และการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่พร้อมให้การสนับสนุนกับลูกค้า เช่น สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน และหุ้นกู้ ESG รวมถึงการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ เช่น โซลาร์รูฟ (Solar Roof)
ทั้งนี้ กรุงศรีพร้อมให้คำปรึกษาทางธุรกิจโดยทีมผู้จัดการความสัมพันธ์ซึ่งผสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานภายในกรุงศรี เพื่อตอบโจทย์การเป็น Trusted Partner หรือพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจเป็นพันธมิตรกับกรุงศรี สามารถติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ทุกสาขา