รัฐบาลบังกลาเทศเปิดเผยว่าขณะนี้ทางการมีคำสั่งให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการสื่อสารยุติการจำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือให้กับชาวโรฮีนจาในค่ายผู้ลี้ภัย รวมถึงตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อหวังลดปัญหาการก่ออาชญากรรมของชาวโรฮีนจา โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติดจากเมียนมา
มาตรการดังกล่าวเป็นไปเพื่อความมั่นคงภายในประเทศของบังกลาเทศ แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวโรฮีนจาเกือบ 1 ล้านคนไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายใกล้เคียงหรือติดต่อญาติที่ยังคงอาศัยอยู่ที่เมียนมาได้ โดยชาวโรฮีนจากว่า 700,000 คนเดินทางหนีการกวาดล้างของกองทัพเมียนมามายังบังกลาเทศเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
เดิมทีมาตรการแบนการใช้โทรศัพท์มือถือในค่ายผู้ลี้ภัยประกาศใช้มานับตั้งแต่ชาวโรฮีนจาลี้ภัยมาจนถึงบังกลาเทศ แต่ยังไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง จนมีการดำเนินมาตรการที่รัดกุมขึ้นภายหลังจากที่ชาวโรฮีนจาจำนวนมากเดินขบวนแสดงพลังภายหลังจากที่หนีการประหัตประหารในเมียนมามาแล้วถึง 2 ปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศรายงานว่ามีชาวโรฮีนจาจำนวนไม่น้อยใช้โทรศัพท์มือถือในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย นำไปสู่การก่ออาชญากรรมและลักลอบค้ายาเสพติดจากเมียนมาซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีคดีของชาวโรฮีนจาที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ายาเสพติด ฆาตกรรม ปล้นทรัพย์ และทะเลาะวิวาทเกือบ 600 คดี นอกจากนี้ทางการยังวิสามัญผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีต่างๆ เหล่านี้ไปแล้วอย่างน้อย 34 ราย โดยคาดว่ามาตรการนี้จะมีส่วนช่วยทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมโดยชาวโรฮีนจาลดลง
ภาพ: Munir Uz Zaman / AFP / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
