สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าจับตาดูอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งดำเนินการจัดซื้อหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ N95 เพิ่มเติม จำนวน 300,000 ชิ้น และจัดรถจำนวน 100 คัน เพื่อฉีดน้ำล้างถนนสายต่างๆ พร้อมเชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ เริ่มดีขึ้นได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา
(15 ม.ค.) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า เมื่อวานนี้ตั้งแต่ช่วงกลางคืน กองทัพบกร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร จัดรถจำนวน 100 คัน ระดมฉีดน้ำล้างถนนสายต่างๆ และในช่วงเช้ามืดได้เกิดฝนตกลงมา จึงช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองได้ในหลายพื้นที่
พร้อมมอบหมายให้รองปลัดกรุงเทพมหานคร ดำเนินการจัดซื้อหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ N95 เพิ่มเติม จำนวน 300,000 ชิ้น หลังจากที่เมื่อวาน (14 ม.ค.) ทำการแจกไปแล้วกว่า 10,000 ชุด เพื่อเตรียมไว้แจกจ่ายประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เด็ก ผู้สูงอายุ ซึ่งการใช้หน้ากากอนามัยสามารถใช้ป้องกันได้หลายกรณี ไม่ใช่เพียงปัญหาจากฝุ่นละออง PM2.5 เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า การแก้ปัญหาฝุ่นละอองที่ดำเนินการตอนนี้ อาจไม่ได้แก้ปัญหาได้แบบทันท่วงที แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น เปรียบเสมือนคนปวดหัวที่กินยาแก้ปวด จะไม่ได้หายทันที เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานเสริมจากสำนักสิ่งแวดล้อมโดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง เผยถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร และกรมควบคุมมลพิษ ในช่วงเวลา 8.00 น. จากค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบว่าตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 48-90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวน 21 บริเวณ เช่น เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีค่าเท่ากับ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก มีค่าของฝุ่นเท่ากับ 77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตวังทองหลาง ส่วนด้านหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ซอยลาดพร้าว 95 มีค่าเท่ากับ 74 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: