วันนี้ (6 พฤษภาคม) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร ชี้แจงรายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับภาระหนี้สินคงค้างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยยืนยันว่าได้ดำเนินการชำระหนี้ไปแล้วกว่า 37,000 ล้านบาท และกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาเพื่อชำระหนี้ส่วนที่เหลือ
โฆษก กทม. ระบุว่า หนี้ที่ได้ชำระไปแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า 37,476 ล้านบาทนั้น ประกอบด้วย หนี้ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 23,000 ล้านบาท ซึ่ง กทม. ได้ชำระให้แก่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ครบถ้วนแล้วโดยใช้งบประมาณปี 2567 และทำให้กรรมสิทธิ์ในงานระบบส่วนนี้โอนมาเป็นของ กทม.
นอกจากนี้ ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีฟ้องร้องครั้งแรก ซึ่งครอบคลุมค่าจ้างเดินรถช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ถึง พฤษภาคม 2564 (ส่วนต่อขยาย 1) และช่วงเดือนเมษายน 2560 ถึง พฤษภาคม 2564 (ส่วนต่อขยาย 2) เป็นเงิน 14,476 ล้านบาท โดย กทม. ได้ชำระผ่านสำนักงานบังคับคดีไปเมื่อปลายปี 2567
อย่างไรก็ตาม ยังมีหนี้ที่ กทม. ยังคงค้างชำระอยู่ โดยส่วนแรกคือหนี้ O&M ที่เกิดจากการฟ้องร้องครั้งที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 12,245 ล้านบาท ครอบคลุมค่าจ้างเดินรถช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ถึง ตุลาคม 2565 ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ส่วนที่สองคือหนี้ O&M ที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาฟ้องร้องครั้งที่ 2 เป็นต้นมา อีกประมาณ 25,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้ก้อนหลังสุดนี้ กทม. ยังไม่สามารถดำเนินการจ่ายได้ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนและข้อสรุปจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับประเด็นที่ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดไว้ก่อนหน้านี้ จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการชำระเงิน
โฆษก กทม. ยืนยันว่า กทม. กำลังดำเนินการเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ส่วนที่ยังคงค้างให้แล้วเสร็จต่อไป
