หลังจาก พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุทุบรถ เนื่องจากจอดกีดขวางทางเข้าออกเมื่อวานนี้ โดยได้ขอความร่วมมือตลาดที่ไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมายให้ยุติการค้าขายเป็นการชั่วคราว เพื่อรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน โดยสั่งการด้วยวาจาต่อหน้าสื่อมวลชนให้ผู้อำนวยการเขตประเวศไปดำเนินการ
ล่าสุดวันนี้ นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ ได้ประชุมร่วมกับเจ้าของตลาดที่อยู่ภายในหมู่บ้านเสรีวิลล่า 5 แห่ง และซูเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง ซึ่งอยู่บริเวณรอบบ้านของ นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ หรือป้าที่ก่อเหตุทุบรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เพื่อหารือชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อเตรียมเอกสารยื่นให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบภายใน 7 วัน ซึ่งการประชุมในวันนี้มีเจ้าของตลาดที่มาร่วม 4 แห่ง รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง เว้นตลาดเปิ้ลมาร์เก็ตที่ไม่เดินทางมา นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อม ฝ่ายโยธา และเทศกิจของเขตประเวศมาเข้าร่วมด้วย
ภายหลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง นายธนะสิทธิ์เปิดเผยว่า ได้แจ้งความผิดกับเจ้าของตลาดทุกรายในความผิด พ.ร.บ. สาธารณสุข โดยตลาดสวนหลวงมีการขอก่อสร้างอาคารถูกต้อง แต่ไม่มีใบอนุญาตขอจัดตั้งตลาด ขณะที่ตลาดรุ่งวาณิชย์และตลาดร่มเหลือง ไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งตลาด จะต้องดำเนินการเก็บของและปิดตลาดตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ส่วนตลาดเปิ้ลมาร์เก็ตมีใบอนุญาตทำการพาณิชย์ แต่สินค้าไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ต้องแก้ไข และตลาดยิ่งนรา มีใบอนุญาตทำการพาณิชย์ สินค้าถูกต้อง แต่โครงสร้างไม่มีที่จอดรถ ต้องแก้ไข ซึ่งจะต้องแก้ไขให้เรียบร้อยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ หากไม่แล้วเสร็จจะต้องยุติการค้าขายทั้งหมด
ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผิดอะไรบ้าง ยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา ซึ่งผู้ค้าทุกรายเข้าใจดีและเซ็นรับทราบความผิดแล้ว
ผู้อำนวยการเขตประเวศกล่าวอีกว่า ขั้นตอนการทำงานของสำนักงานเขตที่ปล่อยให้มีการค้าที่ไม่ถูกต้องก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบย้อนหลัง ซึ่งตนเองไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่ยืนยันว่าในขณะที่ตนเองมาดำรงตำแหน่ง ผอ.เขตฯ ทำงานอย่างโปร่งใส ไม่มีการรับสินบน และไม่มีการใช้อิทธิพลกับกลุ่มผู้ค้าใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ถูกเขต ส่วนกระแสข่าวที่โจมตีในโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นไม่ท้อ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป