คำว่า ‘ปฏิรูป’ คนไทยคงจะคุ้นเคย เพราะในยุครัฐบาล คสช. ไม่ว่าอะไรก็ต้องปฏิรูป
และคราวนี้เป็นคิวของ ‘รถเมล์’
หลังข่าวแผนการปฏิรูปรถเมล์ของกรมขนส่งทางบก เริ่มเผยแพร่ออกไป สิ่งที่ได้กลับมาดูเหมือนจะเป็นเสียงวิจารณ์มากกว่าเสียงชื่นชม โดยเฉพาะการแบ่งโซนเดินรถเมล์ใหม่ การเปลี่ยนเลขสายรถเมล์จากระบบหมายเลข เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลข และหน้าตารถเมล์สายใหม่ที่ทาสีเพิ่มแค่บางส่วนจนดูครึ่งๆ กลางๆ
15 สิงหาคม 2560 เป็นวันแรกของการทดลองเดินรถเมล์สายใหม่ 8 เส้นทาง ที่เปลี่ยนเลขสายใหม่ตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เบื้องต้นจะใช้เวลาทดลองเดินรถเป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม – 15 กันยายน 2560 เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนมาประเมินและพัฒนาการเดินรถรูปแบบใหม่ 269 เส้นทาง ภายในระยะเวลา 2 ปี
8 เส้นทางเดินรถเมล์ช่วงทดลอง
สาย G21 รังสิต – ท่าเรือพระราม 5 (เทียบเคียงสาย 114 อ.ต.ก. 3 – แยกลำลูกกา)
สาย G59E มีนบุรี – ท่าเรือสี่พระยา (ทางด่วน) (เทียบเคียงสาย 514 มีนบุรี – ถนนรัชดาภิเษก – สีลม)
สาย R3 สวนหลวง ร.9 – สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (เทียบเคียงสาย 11 อู่เมกา บางนา – มาบุญครอง)
สาย R41 ถนนตก – แฮปปี้แลนด์ (เทียบเคียงสาย 22 อู่โพธิ์แก้ว – สาธุประดิษฐ์)
สาย Y59 สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน – กระทุ่มแบน (เทียบเคียงสาย 189 สนามหลวง – กระทุ่มแบน)
สาย Y61 หมู่บ้านเศรษฐกิจ – สถานีขนส่งจตุจักร (เทียบเคียงสาย 509 สถานีขนส่งจตุจักร – บางแค)
สาย B44 วงกลมพระราม 9 – สุทธิสาร (เทียบเคียงสาย 54 วงกลมรอบเมืองห้วยขวาง)
สาย B45 หมู่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม – ท่าเรือสะพานพุทธ (เทียบเคียงสาย 73 อูโพธิ์แก้ว – สะพานพุทธ)
ทั้งนี้ แต่ละเส้นทางจะเดินรถ เส้นทางละ 5 คัน
“สำหรับคนที่สับสนเรื่องตัวอักษร เราจึงใช้สีคู่กับตัวอักษร สำหรับใครที่สับสนภาษาอังกฤษก็ให้ดูสี”
สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว
ทำไมต้องมีภาษาอังกฤษนำหน้าให้วุ่นวาย ?
สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้สัมภาษณ์ THE STANDARD ชี้แจงประเด็นเสียงวิจารณ์เรื่องความสับสนเลขสายรถเมล์ว่า หลักการออกแบบมาจากแนวคิด ‘ระบบโซน’ เราก็กางดูแผนที่ทั้งกรุงเทพฯ เพื่อแบ่งโซนและออกแบบสัญลักษณ์เพื่อสร้างความจดจำให้กับคนทุกระดับ ดังนี้
G (Green)
พื้นที่โซนสีเขียว คือ เขตการเดินรถที่ 1 และ 2 (ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ)
R (Red)
พื้นที่โซนสีแดง คือ เขตการเดินรถที่ 3 และ 4 (ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ)
Y (Yellow)
พื้นที่โซนสีเหลือง คือ เขตการเดินรถที่ 5 และ 6 (ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ)
B (Blue)
พื้นที่โซนสีน้ำเงิน คือ เขตการเดินรถที่ 7 และ 8 (เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน)
E (Expressway) >> ทางด่วน กำหนดไว้ด้านหลังต่อท้าย เพื่อป้องกันความสับสน สำหรับเส้นทางที่มีต้นทางปลายทางเดียวกัน แต่บางช่วงของเส้นทางมีการใช้ทางด่วน
อธิบดีกรมขนส่งฯ บอกว่า ระบบตัวเลขต้องคงไว้ แต่เพื่อไม่ให้ตัวเลขสับสน เราก็เลยออกแบบให้มีสี แสดงเป็นโซน สำหรับคนที่สับสนเรื่องตัวอักษร เราจึงใช้สีคู่กับตัวอักษร สำหรับใครที่สับสนภาษาอังกฤษก็ให้ดูสี อีกทั้งระบบการแบ่งโซนที่ใช้ตัวอักษรและสีควบคู่กัน เพื่อรองรับการพัฒนาเส้นทางใหม่ ๆ พอมีเส้นทางใหม่เกิดขึ้นในโซนไหนเราก็สามารถรันตัวเลขต่อท้ายตัวอักษรไปได้เลย แต่ถ้าไม่มีตัวอักษร ตัวเลขก็จะกระโดดไปมาข้ามโซนกัน
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของการปฏิรูปเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ความเห็นของประชาชนจึงสำคัญ
“ถ้าทุกคนมีความกังวลเรื่องตัวอักษรและมีเสียงสะท้อนว่าควรเป็นตัวเลขอย่างเดียว เราก็จะหยิบเสียงสะท้อนนี้มาพิจารณาปรับเปลี่ยนใหม่”
รถเมล์เก่าเอามาทาสีหน้ารถใหม่ อธิบดีชี้ขอเวลายกเครื่อง 2 ปี
อธิบดีกรมการขนส่งฯ ชี้แจงว่า การทดลองวิ่งคือการเอารถเดิมมาใช้ แต่เป้าหมายของการปฏิรูปนอกจากโครงข่ายการเดินรถที่ตอบโจทย์แล้ว มาตรฐานของรถก็ต้องถูกยกระดับด้วย ขสมก. ก็ต้องปรับเปลี่ยนรถให้ได้มาตรฐาน ส่วนรถเอกชนต้องมาขออนุญาตตรงกับกรมขนส่งทางบก ซึ่งกรมฯ ก็จะกำหนดคุณสมบัติของรถที่จะนำมาให้บริการ
สำหรับการปฏิรูปรถเมล์จะมีช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปี แต่รถตัวใหม่
ที่จะเห็นก่อนคือ 2 เส้นทางใหม่ ได้แก่ สายที่ R26E สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ – โรงพยาบาลรามาธิบดี (ทางด่วน) และสายที่ Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา – สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน)
โดยทั้ง 2 เส้นทางนี้ได้ให้เอกชนยื่นข้อเสนอในการเดินรถระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม – 8 กันยายนนี้ โดยกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐาน สภาพรถ รูปแบบการให้บริการ การบริหารจัดการที่เป็นระบบที่จะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เช่น การติดตั้งระบบ GPS Tracking, E-Ticket หรือระบบตั๋วร่วมตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงรองรับบัตรผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการคลัง
เสียง ‘ชื่นชม – ข้อเสนอแนะ’ จากประชาชน
THE STANDARD ทดลองขึ้นรถเมล์สาย B44 ซึ่งวิ่งทดแทนสาย 54 ที่หน้ากระจกรถเมล์มีป้ายขนาดใหญ่บ่งบอกเลขสายเดิมชัดเจน ขณะรถวิ่งผ่านป้ายต่างๆ เจ้าหน้าที่ ขสมก. ส่งเสียงตะโกน “สาย 54 เดิมจ้า” พร้อมบอกเส้นทางที่รถเมล์ผ่านตามสไตล์ที่คนไทยคุ้นเคย
ส่วนตามป้ายรถเมล์ รวมถึงในตัวรถ จะติดป้ายอินโฟเทียบเส้นทางระหว่างสายใหม่กับสายเก่า ผู้โดยสารหลายคนยอมรับว่ายังงงกับเลขสายแบบใหม่ แต่ใช้วิธีดูว่ารถเมล์ผ่านจุดหมายที่จะไปหรือไม่
แสงรวี บัวศรี อาชีพ ‘พนักงานบริษัท’ บอกกับ THE STANDARD ว่า เมื่อก่อนขึ้นรถไฟฟ้า แต่ช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมาเปลี่ยนมานั่งรถเมล์เพราะประหยัดกว่า แต่ต้องแลกมากับการตื่นเช้าขึ้น
“ตอนเห็นข่าวว่าจะปฏิรูปรถเมล์ก็นึกว่าจะเปลี่ยนคันใหม่ให้ดีขึ้น แต่พอเห็นจริงๆ อ้าว เปลี่ยนแค่สีด้านหน้าเฉย ๆ มันก็คือคันเดิมที่ทาสีใหม่
“ปัญหาของรถเมล์คือมันไม่มีเวลาแน่นอน เราไม่สามารถกะเวลาได้ บางวันมารอตอน 8 โมงครึ่ง 9 โมงกว่ายังไม่ได้ขึ้นเลย แต่บางวันรถก็มาถี่ มาติดๆ กันหลายคัน
“ถ้าเป็นไปได้อยากให้เหมือนต่างประเทศ ที่ป้ายรถเมล์จะมีตารางเวลาบอกว่ารถเมล์สายนี้จะมาถึงเวลานี้ ตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว อีกกี่นาทีจะมาถึงป้ายเรา น่าจะมีประโยชน์ต่อคนที่ไม่เคยใช้ จะได้มาใช้รถเมล์กันเยอะๆ” แสงรวี ผู้โดยสารรถเมล์สาย B44 ให้ความเห็น
ปริชาต เวลา อาชีพ ‘ค้าขาย’ บอกว่าปกติไม่ค่อยนั่งรถเมล์ เพราะไม่ค่อยได้ไปไหน ไม่รู้มาก่อนเลยว่ารถเมล์คันนี้เป็นรถเมล์เส้นทางใหม่
“ตอนเห็นหน้ารถเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลขก็ ‘งง’ อยู่ (หัวเราะ) เพราะไม่เคยเห็นรถเมล์สายนี้
“ก่อนขึ้นก็ถามว่าไปอนุสาวรีย์ฯ ไหม? เขาบอก ‘ไป’ ก็เลยขึ้นมา”
ปริชาติ บอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไร ก็ใช้ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นรถปรับอากาศแล้วปรับราคาขึ้นนิดหน่อยก็ดี
“เพราะบ้านเราอากาศร้อน มันไม่ควรจะมีรถพัดลมแบบนี้มาวิ่งแล้ว”
ผู้โดยสารรถเมล์สาย B44 คนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) บอกว่า ปกติขึ้นรถเมล์ทุกวัน เวลาขึ้นรถเมล์ก็จะดูป้ายข้างรถว่าผ่านจุดไหนบ้าง ถ้าเขาเปลี่ยนสายรถแบ่งตัวอักษรและสีตามโซนก็เข้าใจได้ เพราะถนนมันไม่ได้อยู่กับที่ มีเส้นทางใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ที่รถเมล์ยังไม่ผ่าน
“เราควรต้องปรับตัวเพราะประเทศไทยไม่ได้มีแค่คนไทย เรามีต่างชาติมาเที่ยว มาทำงาน คนพวกนี้เขาก็ต้องมีสิทธิ์ขึ้นรถเมล์ด้วยเหมือนกัน
“ดังนั้นมันก็ต้องปรับ เราจะอยู่กับที่มันก็ไม่ได้”