×

ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ กทม. 41 แห่ง พร้อมรับดูแลผู้ป่วยโควิด หลังสถานการณ์การระบาดทำตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูง

โดย THE STANDARD TEAM
08.01.2022
  • LOADING...
ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ กทม. 41 แห่ง

วันนี้ (8 มกราคม) ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมการเปิดศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation: CI) เกียกกาย เขตดุสิต เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รองรับกรณีมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าสู่ระบบการรักษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 

 

ขจิตเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายกำชับให้เตรียมความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ จำนวน 41 แห่ง รวม 5,158 เตียง ทั้งทางด้านบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการภายใน 7 มกราคม 2565 โดยขณะนี้ CI ทั้ง 13 แห่งแรกนี้มีจำนวนเตียงพร้อมรองรับแล้วรวมทั้งหมด 1,826 เตียง และเตรียมพร้อมอีก 28 แห่ง ให้สามารถเปิดได้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไป อีก 3,332 เตียง ปัจจุบันมีผู้ครองเตียง 137 ราย (ณ วันที่ 8 มกราคม 2565) คงเหลือ 5,021 เตียง

 

สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเฉพาะสำหรับเด็กและครอบครัวที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกายแห่งนี้เป็น 1 ใน 13 แห่งแรกที่เปิดให้บริการได้ก่อน สามารถรับผู้ป่วยเด็กอายุ 5-12 ปี แบ่งเป็น ชาย 26 คน และหญิง 26 คน เดิมได้ปรับเป็นสแตนด์บายโหมดอยู่แล้ว หากมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เป็นเด็กอายุ 5-12 ปี ก็สามารถรับผู้ติดเชื้อมาดูแลได้ทันที 

 

ส่วนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อประจำกลุ่มเขตที่พร้อมเปิดให้บริการอีก 12 ศูนย์ ได้แก่

1. บริษัท อาร์ บี เอส โลจิสติกส์ จำกัด (RBS Logistic) เขตลาดพร้าว 175 เตียง
2. โรงเรียนการไปรษณีย์ เขตหลักสี่ 118 เตียง
3. ประปาแม้นศรี เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 100 เตียง
4. ศูนย์ตันปัน เขตห้วยขวาง 145 เตียง
5. วัดสะพาน เขตคลองเตย 500 เตียง
6. Nasa Bangkok เขตสวนหลวง 92 เตียง
7. ศูนย์พักคอย กทม. เขตคันนายาว 127 เตียง 

8. ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตบางกะปิ 133 เตียง 

9. ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตทวีวัฒนา 114 เตียง 

10. ศูนย์สร้างสุขทุกวัย (สตรี) เขตบางกอกใหญ่ 50 เตียง 

11. วัดกำแพง เขตภาษีเจริญ 100 เตียง 

12. ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตบางขุนเทียน 120 เตียง 

 

นอกจากการเปิดบริการศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วยโควิดทั้ง 13 แห่งแล้ว กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จำนวน 4 แห่ง และโรงพยาบาลสนามประจำกลุ่มเขตทั้ง 6 กลุ่มเขต (District Field Hospital/CI Plus) จำนวน 7 แห่ง โดยดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลสังกัดภาครัฐและเอกชน จำนวนเตียงรวมทั้งสิ้น 4,974 เตียง รวมถึงเตรียมความพร้อมทั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยเพิ่มเติมอีก 25,345 เตียง แบ่งออกเป็น โรงพยาบาลหลัก 2,922 เตียง โรงพยาบาลสนาม 2,898 เตียง และ Hospitel 19,525 เตียง

 

นอกจากนี้ กทม. ได้เตรียมพร้อมทีมแพทย์และพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วยประจำศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ จัดเตรียมยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ หากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาตัวที่บ้านแบบ Home Isolation (HI) ซึ่งอาจจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และเตรียมความพร้อมศูนย์เอราวัณเพื่อรับส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตามอาการความรุนแรงของโรค ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานเขต 50 เขต สำนักเทศกิจ โรงพยาบาลสังกัด กทม. และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการวางแผนตรวจคัดกรองโรคให้ประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด รวมทั้งฉีดวัคซีนโควิดเพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อ การเจ็บป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต อีกทั้งมีการบริหารจัดการศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อและ Hospitel ตามแนวทางของหน่วยงานเครือข่าย ตลอดจนลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อโควิดด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากมีผลเป็นบวกจะตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR หากพบผลติดเชื้อจะประสานศูนย์เอราวัณเพื่อประเมินอาการเบื้องต้นอีกครั้ง ก่อนนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามอาการความรุนแรงของโรค

 

ขจิตกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีประชาชนติดเชื้อโควิดสามารถแจ้งเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทางสายด่วน โทร. 1330 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประเมินอาการและนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วที่สุด แต่หากมีกรณีฉุกเฉินสามารถติดต่อผ่านศูนย์เอราวัณ โทร. 1669 ได้อีก 1 ช่องทาง เจ้าหน้าที่จะช่วยประสานข้อมูลเข้าสู่ระบบการรักษาตามอาการต่อไป นอกจากนี้ กทม. จะเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต กลับมาดำเนินการให้บริการรับแจ้งเหตุผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษาทางสายด่วนโควิดของสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตอย่างเต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การนำส่งผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในวงกว้าง 

 

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เสี่ยงต่างๆ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือไปในที่มีคนจำนวนมาก ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ล้างมือบ่อยๆ หรือเมื่อสัมผัสสิ่งเสี่ยงติดเชื้อ หากเป็นไปได้ให้พกแอลกอฮอล์ล้างมือติดตัวเพื่อความสะดวกเวลาไปสถานที่ต่างๆ และให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลหากต้องไปในสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมาก รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนหากช่วงเวลากลางคืนไม่มีความจำเป็นต้องออกไปไหนให้งดเว้นหรือลดการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้อีกทาง

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising