×

วัฒนา มาศาลตามนัด ฟังคำพิพากษาคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร หลังสู้ยาวนาน 15 ปี เชื่อเป็นเรื่องการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์

04.03.2022
  • LOADING...
บ้านเอื้ออาทร

วันนี้ (4 มีนาคม) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง วัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินทางมารับฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ หลังก่อนหน้านี้ได้มีการแถลงปิดคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565

 

วัฒนาให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า วันนี้ตนมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และมาตามหาความเป็นธรรม ซึ่งเราได้สู้คดีมาอย่างเต็มที่ ขอขอบคุณทุกกัลยาณมิตร ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองเก่าหรือพรรคการเมืองใหม่ ที่ให้กำลังใจตนมาตลอด ซึ่งวันนี้ตนมาฟังคำพิพากษาเชื่อว่าจะออกมาตามครรลอง เพราะบ้านเมืองเราเสียความยุติธรรม เสียความน่าเชื่อถือไปมากแล้ว ตนเชื่อว่าทุกคนจะพยายามเอากลับมาให้อยู่ในที่ทางที่ถูกต้อง 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานที่ทำมามอบให้กับทางศาลในวันสรุปปิดคดี มั่นใจแค่ไหนว่าศาลจะรับฟัง วัฒนากล่าวว่า หลักการในการดำเนินคดีอาญาเป็นไปตามหลักพื้นฐานทั้งโลก ซึ่งคดีนี้ไม่มีอะไรถูกต้องทั้งหมด อย่างแรกที่ตนยืนยันตลอดไม่ได้พูดแบบศรีธนญชัยมีการกล่าวหาเกินไป ที่เชื่อว่ามีการเรียกประชุมผู้ประกอบการหลาย 10 คน แล้วไปเรียกรับเงินเขา ซึ่งมีผู้กล่าวหาคนเดียว เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้การจะเอาพยานหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งเป็นเท็จก็จะต้องไปปั้นและจูงใจกันมา ซึ่งหลักฐานการจูงใจและการต่อรองพยานมีเป็นหนังสืออยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ซึ่งตนได้ชี้ให้ศาลได้เห็นแล้ว หากศาลยังรับฟังพยานหลักฐานแบบนี้ต่อไปตำรวจจับผู้ต้องหาไม่ต้องสอบสวนเอาไฟช็อตหรือทุบเลย และการกล่าวหาว่าตนไปเรียกเงินเพื่อการอนุมัติหน่วยก่อสร้างหรืออนุมัติให้เป็นคู่สัญญานั้นตนไม่ได้มีอำนาจ เพราะการเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจมีคณะกรรมการในการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจนี้ โดยคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกว่าคณะกรรมการไม่มีใครทำผิด แล้วตัวรัฐมนตรีจะลอยมาดื้อๆ ได้อย่างไร จึงยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความถูกต้องแต่แรกจนถึงสุดท้าย ซึ่งไม่แปลกใจที่ตนยังยืนสู้อยู่ตรงนี้ เพราะยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวหาตนไม่เป็นความจริง 

 

วัฒนายังยอมรับว่าได้เตรียมใจ และพร้อมสู้ต่อในฐานะตนเป็นพสกนิกร ยังมีที่พึ่งและไม่ได้แปลว่าตนถูกจำคุกแล้วจะฟ้องกลับใครไม่ได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจและทุกคนต้องทำตามครรลอง 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการสู้ต่อหมายถึงการถวายฎีกาใช่หรือไม่ วัฒนากล่าวว่า ทุกทางที่มี หากในทางระบบปกติไม่ได้ ตนก็ต้องฟ้องตามที่ว่า ซึ่งถือเป็นหนึ่งทาง รวมถึงช่องทางตามกฎหมาย  

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ายังเชื่อมั่นว่าศาลจะเชื่อในคำแถลงปิดคดีใช่หรือไม่ วัฒนากล่าวว่า ตนได้แถลงไปชัดแล้ว ซึ่งตนไม่ได้พูดลอยๆ และยืนยันว่านักการเมืองไม่ได้โกงทุกคน และเป็นการยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมว่าพึ่งพาได้หรือไม่ และย้ำว่าในคดีอาญาหากทำผิดจริงไม่จำเป็นจะต้องปั้นพยานพูดอะไร เมื่อไร ก็จะไปลงที่เดียวกัน และที่ตนนำหลักฐานมาให้ศาลเพราะมีอะไรที่ตอบคำถามไม่ได้ และมีความผิดปกติหลายเรื่องในคดีตน และเชื่อว่าคำพิพากษาจะถูกวิจารณ์อีกมากหากมีการเผยแพร่ออกมา 

 

“วันนี้ตนมั่นใจเพราะสู้มาเพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความยุติธรรม ซึ่งตนได้สู้มา 15 ปีแล้ว และเมื่อคืนนอนหลับดีปกติ ซึ่งตนเตรียมใจไว้ 2 ด้าน ถ้าคำพิพากษาออกมาตามครรลองก็ยอมรับ แต่หากไม่ออกมาตามครรลองก็จะสู้ต่อ และยืนยันว่าจะสู้ทุกช่องทาง และสู้จนหมดช่องทางสู้ แต่หากเป็นโควิดตายก็ช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าคดีของตนเป็นการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” วัฒนากล่าว

 

ราคาน้ำมันกดดันเงินเฟ้อเดือน ก.พ. พุ่ง 5.28% สูงสุดในรอบ 13 ปี

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising